วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

'ศิวลึงค์ทองคำ' 2 องค์ อายุกว่า 1 พันปี


ชาวบ้านเมืองสิชลขุดเจอ 'ศิวลึงค์ทองคำ' 2 องค์ อายุกว่า 1 พันปี
ส่งมอบกรมศิลปากร เก็บรักษา ชี้เป็นหลักฐานสำคัญยืนยันความ
รุ่งเรืองเมืองนครศรีธรรมราช

 
                          27 มี.ค. 57  นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า
มีการขุดค้นพบศิวลึงค์ทองคำ 2 องค์ ซึ่งขุดค้นพบจากถ้ำบนเขาพลีเมือง ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
โดยนายเสกสันต์ นาคกลัด ชาวบ้านได้เข้าไปขุดมูลค้างคาวในถ้ำดังกล่าว พบแผ่นอิฐขนาด 16 ซม.
ยาว 30 ซม. เรียงกันอยู่จึงงัดแผ่นอิฐดังกล่าว พบอิฐแผ่นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อยกอิฐขึ้น ก็พบว่าภายใน
มีผอบทำด้วยโลหะ มีฝาปิด เมื่อเปิดฝาผอบออก จึงพบศิวลึงค์ทองคำ จากการตรวจสอบของกรมศิลปากร
พบว่า ศิวลึงค์ทองคำ องค์แรกมีขนาดความสูงรวม 2 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8 ซม. น้ำหนัก 12.7 กรัม
ส่วนองค์ที่ 2 ขนาดส่วนสูงรวม 2 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.9 น้ำหนัก 19 กรัม จากการประเมินอายุและ
ลักษณะของศิวลึงค์ ซึ่งเป็นแบบประเพณีนิยมอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 12 หรือมีอายุกว่า 1, 000 ปี 
 
                          นายเอนก กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามนอกจากพบศิวลึงค์บริเวณดังกล่าว ยังพบ
โบราณวัตถุอีก 6 รายการ ประกอบด้วย
1. ผอบทำด้วยโลหะ สภาพชำรุด ผอบ สูง 2.5 ซม. มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6.1 ซม. ส่วนฝามี
สภาพชำรุดสูง 2.3 ซม.
2. ผอบลักษณะทำด้วยโลหะ สภาพชำรุด สูง 2 ซม. ส่วนฝาผอบมีสภาพชำรุด
 3. อิฐ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีการคว้านรูปสี่เหลี่ยมตรงกลางด้านในจำนวน 2 แผ่น
4. อิฐ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จำนวน 3 ก้อน ผิวอิฐสีส้ม ก้อนอิฐมีสภาพสมบูรณ์ 2 ก้อน ชำรุด 1 ก้อน
5. พบฐานทำด้วยโลหะ (เงิน) สูง 1.1 ซม. กว้าง 2.3 ซม. มีรูตรงกลาง ลึก 0.6 ซม.
6. แผ่นรอง มีลักษณะเป็นแผ่นทองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวด้านละ 0.7 ซม.
 
                          อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้มีการพบ
โบราณวัตถุสำคัญๆ หลายชิ้น เมื่อปี 2525 อาทิ 1. พระวิษณุศิลา อายุประมาณครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 13
และ 2. ธรณีประตูเป็นแผ่นหินปูน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีรูสวมเดือย 3. กรอบประตูมีรอยสลักเป็นรูปกลม
และ 4. กรอบประตูทำด้วยหิน มีลักษณะเป็นแผ่นยาว และมีเดือยที่ปลายทั้งสองข้าง 5. แผ่นหินรูปวงกลม
 ทำจากหินปูนทั้งสองแผ่น 6. เศียรเทวรูปปูนปั้น 7. เศียรพระปูนปั้น และ 8. พระพุทธรูปประทับยืนปางประทานพร 
 
                          อย่างไรก็ตามจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางโบราณคดีพบว่าในพื้นที่ อ.สิชล
มีเทวาลัยในศาสนาพราหมณ์ ไม่ต่ำกว่า 30 แห่ง กระจายอยู่ในอำเภอดังกล่าว ที่ผ่านมามีการพบศิวลึงค์
ในเขตอำเภอสิชลแล้ว 24 องค์ ซึ่งศิวลึงค์ทองที่พบ ถือว่าเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ มีคุณค่าทางประวัติ
ศาสตร์ทางโบราณคดีอย่างสูง เพราะเป็นสิ่งแสดงถึงความศรัทธาในเทพเจ้าและความรุ่งเรืองทางการค้า
ของนครศรีธรรมราชโบราณ
 
                          "ผู้ค้นพบได้ประสานจะมอบศิวลึงค์ที่ขุดพบให้กับกรมศิลปากร เพื่อเก็บรักษาไว้
เป็นสมบัติของชาติ โดยจะมีพิธีมอบในวันที่ 1 เมษายน หลังจากนั้น จะนำมาจัดแสดงเพื่อให้ประชาชน
ได้ชมและศึกษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร 1 องค์ และอีก 1 องค์จะนำไปจัดแสดงที่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช"

ภาพและข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

อึ้ง! มหาเศรษฐี 2.5 หมื่นล้าน บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดให้การกุศล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายจอห์น โรเบิร์ต เจ้าของ
บริษัท" AO.com"กิจการด้านสื่อออนไลน์ของอังกฤษ ซึ่งร่ำรวยหลังนำบริษัท
เข้าตลาดหุ้น ประกาศว่า เขาจะมอบทรัพย์สินทั้งหมด 500 ล้านปอนด์ให้แก่
การกุศล โดยจะไม่ให้เงินดังกล่าวแก่ลูก ๆ 5 คน


 รายงานระบุว่า นายจอห์น ซึ่งร่ำรวยหลังนำบริษัทดังกล่าวเข้าตลาดหุ้นอังกฤษ
ทำให้บริษัทมีทรัพย์สินกว่า 1,200 ล้านปอนด์ และเจ้าตัวมีทรัพย์สินรวมกว่า 500
ล้านปอนด์ ประกาศว่า เขาจะเดินตามรอยบิดาของเขา โดยจะบริจาคเงินทั้งหมดใ
ห้แก่มูลนิธิและการกุศล และจะไม่ให้ลูกทั้งห้าของเขาแม้แต่ปอนด์เดียว  เนื่องจาก
บิดาเขามีปรัชญาส่วนตัวว่า เขาได้มอบสิ่งดีที่สุดในชีวิตให้แก่ลูกแล้ว จากนั้นเป็น
ชีวิตของลูกที่จะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง และว่า เขาต้องการให้ลูกทั้งห้าคน
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปกติในอาชีพที่พวกเขาเลือกแล้ว

นายจอห์น กล่าวด้วยว่า ภรรยาและเขารู้ว่า พวกเขาจะไม่ให้ลูกได้รับเงินใด ๆ และว่า
ลูกสาวของเขาคนหนึ่งอยากเป็นครู และเขาต้องการให้เธอเป็นครูด้วยตัวเองมากกว่า
นั่งบนกองเงินกองทองของเขา รายงานระบุว่า พฤติกรรมของนายจอห์น ถือว่าเหมือนกับ
อภิมหาเศรษฐีใจบุญหลายคนของโลก ที่ตัดสินใจบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่การกุศล
เช่น บิล เกสต์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งมีทรัพย์สินกว่า 46,000 ล้านปอนด์ แต่
ไม่ให้มรดกใด ๆ แก่ลูกของเขาเลย เพื่อให้ได้ตระหนักว่าการทำอาชีพของตัวเองเป็น
สิ่งมีความหมายและสำคัญ 


ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

แพะขึ้นบนยอดต้นอาร์กันในมอรอคโค

                   

วันนี้มาดูเจ้าแพะน้อยจอมปีนต้นไม้ของมอรอคโค ก็เนื่องจากมันไม่มีหญ้ากินมันก็เลย
ปีนขึ้นไปกินใบและผลของเจ้าต้นArgan ซึ่งเขาบอกว่าลูกมันมีลักษณะคล้ายกับต้น OLive
คือมีเปลือกแข็ง และภาพเจ้าแพะขึ้นไปบนยอดไม้อย่างนี้ พวกเขาเห็นจนชินตา 
ไม่ใช่ของแปลกอะไร  แต่สำหรับชาวต่างชาติแล้ว มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากเลย 






ภาพนี้ชอบมากเลย ขนาดว่าต้นAganไม่มีอะไรแล้วยังขึ้นไปอยู่ คงรู้สึกว่าข้างบนลมมันเย็นมั้ง


เอ้าคราวนี้มาดูคลิปบ้างดีกว่านะ

คลิปที่ 1


คลิปที่ 2




.................

ทีนี้มาดูเจ้าต้นArgan ซึ่งเขาบอกว่าลูกมันมีลักษณะคล้ายกับต้น OLive และวิธีการบีบเอาน้ำมันออกมาจากเมล็ดของ Argan

ภาพที่ 1 ต้นArgan 

ภาพที่ 2 ต้นArgan กำลังออกผล

ภาพที่3 ต้นArgan กำลังออกผลและผลเริ่มแก่ 

ภาพที่4 ต้นArgan กำลังออกผลและผลเริ่มแก่ ดูใกล้ๆ

ภาพที่5  ผลArgan กำลังสุกเปลือกเป็นสีเหลือง

ภาพที่ 6  ผลArgan ที่กำลังสุกเปลือกเป็นสีเหลืองและด้านในของเปลือกสีเหลืองเป็นเปลือแข็ง
            หุ้มอีกชั้น 

ภาพที่ 7  พวกผู้หญิงออกมาเก็บผลของต้นArgan ที่ร่วงอยู่ใต้ต้น

ภาพที่ 8   ผลของต้นArgan  ที่เก็บได้

ภาพที่9  สาวๆกำลังใช้สากหินทุบเปลือกแข็งออกเพื่อนำเนื้อด้านในไปบีบทำน้ำมัน
ภาพที่ 10  เนื้อด้านในของเมล็ดที่ได้จากการกระเทาะเปลือกแข็งออก

ภาพที่ 11  นำเนื้อด้านในของเมล็ดที่ไปโม่และบีบทำน้ำมัน 

  
ภาพที่ 12  ของเหลวที่ได้จากการโม่นำไปปั้นให้เป็นก้อนพักไว้ รอจนกว่าจะโม่เมล็ดหมด

ภาพที่ 13   ขยำก้อนเนื้อเมล็ดที่โม่แล้วทั้งหมดจนเกิดน้ำมัน

ภาพที่ 14 บีบน้ำมันออกมา

ภาพที่ 15  แล้วนำไปบรรจุขวด ไว้ทำอาหารหรือเครื่องสำอางค์ต่อไป

วีธีการแบบนี้บ้านเราเรียกการสกัดเย็นใช่ไหม

ภาพและข้อมูลจาก https://www.youtube.com



วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

บึงที่ใหญ่ที่สุดในโลกกับหมู่บ้านประหลาด


บึงที่ใหญ่ที่สุดนี้อยู่ใน orld ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศซูดานมีแม่น้ำไนล์
ไหลผ่านทางจุดนี้เกิดเป็นหนองน้ำ และได้ชื่อว่าบึงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บริเวณนี้มีทุกฤดูเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านของหมู่บ้าน

ที่มีหลังคาทรงประหลาดอาศัยอยู่ด้วย

1. ภาพมุมสูงของบึงนี้ จะเห็นบ้านของชาวบ้านสร้างอยู่ในบึงเป็นจุดๆ อยู่ทั่วไปของบึง




2. ภาพนี้แสดงจุดที่ชาวบ้านอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น  หลังคาสีขาวอาจจะเป็นที่ทำการศูนย์รวมของหมู่บ้าน




. ภาพนี้แสดงให้เห็นสภาพของบ้านแต่ละหลัง



4. ภาพในมุมสูงนี้แสดงให้เห็นหลังคาบ้านแต่ละหลังที่ทำเป็นรูปโดมยอดแหลม



5. ภาพนี้จะเห็นว่า บ้านแต่ละหลังนั้นจะมีบริเวณพื้นที่ว่างรอบบ้านไว้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ดูเหมือนบ้านแต่ละหลังจะตั้งอยู่บนเกาะของตัวเอง มีความเป็นส่วนตัวมาก

6. ภาพนี้แสดงให้เห็นชีวิตของชาวบ้านที่นี่มีอาชีพประมง จับปลาจากบึงแล้วมาทำปลาตากแห้ง จากข้อมูลไม่ได้บอกไว้ว่า ปลาเหล่านี้เก็บไว้กินเอง หรือนำไปขาย


ภาพและข้อมูลจาก  http://board.postjung.com/

สุดทึ่ง!!! ซินซิน เด็กชาวจีน โตมากับแฝดที่ตายบนแผ่นหลัง



“เดอะ ซัน” สื่อชื่อดังของประเทศอังกฤษ ได้รายงานว่า คณะแพทย์ได้เตรียมผ่าตัดช่วยเด็กหญิงชาวจีนคนหนึ่งซึ่งเกิดมาพร้อมกับ ฝาแฝดเพศเดียวกันที่ติดอยู่บนหลังของเธอ หลังใช้ชีวิตกับแฝดที่ตายแล้วมานาน ถึง 11 ปี เต็ม
“เดอะ ซัน” หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อดังเมืองผู้ดี ออกมารายงานข่าวสุดเหลือเชื่อว่า มีเด็กหญิงชาวจีน จากเมืองฉางจื้อ มณฑลชานซี วัย 11 ปี ได้เกิดและเติบโตมาพร้อมกับฝาแฝดที่ตายแล้วบนหลังของเธอ แต่เนื่องจากขณะ นี้ฝาแฝดมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นตามการเติบโตของซินซิน ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผล กระทบต่อสุขภาพของเธอ แพทย์จึงได้เตรียมที่จะผ่าตัดนำฝาแฝดที่ตายแล้วออกจากหลัง ของเธอในเร็วๆ นี้
ขณะที่พ่อและแม่ของซินซินได้เก็บเงินเพื่อเป็นค่าผ่าตัดให้ กับลูกสาวของพวกเขา ตั้งแต่ซินซินเกิดมาพร้อมกับฝาแฝดที่ตายแล้ว โดยพ่อแม่ของ เด็กหญิง ระบุว่า ขณะนี้พวกเขามีเงินพอที่จะใช้เป็นค่าผ่าตัด และพร้อมให้แพทย์ ทำการผ่าตัดลูกสาวของพวกเขาแล้ว
“ถ้าดูที่หลังของซินซินตอนแรกจะเห็นแค่แขนข้างหนึ่งของ ฝาแฝดที่โผล่ออกมาเท่านั้น แต่ตอนนี้นอกจากแขนแล้วจะเริ่มเห็นเป็นรูปร่างของคน มากขึ้น คือมีทั้งแขน หน้าอก และหลังของฝาแฝด”แม่ของซินซินกล่าว
โฆษกของโรงพยาบาล กล่าวว่า ความผิดปกติดัง กล่าวกำลังทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างกับซินซิน เนื่องจากขณะนี้เด็กหญิงมีอายุ 11 ปีแล้ว แต่กลับมีความสูงเพียง 111 เซนติเมตร รวมถึงไหล่และหลังของเธอยังผิดรูปร่างอีกด้วย
ภาพและข้อมูลจาก http://video.upyim.com/

วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

10 เหตุการณ์สะเทือนโลก สูญเสียและยินดีปี 2556


2556 เป็นอีกปีที่มีเหตุการณ์ช็อกโลกและน่ายินดีเกิดขึ้นมากมาย "ประชาชาติธุรกิจ" รวบรวมความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ 10 เหตุการณ์ ดังนี้



1.ประมุขคริสตจักรองค์แรกจากอเมริกาใต้ หลังพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 สละสมณศักดิ์ในเดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 13 มีนาคม พระคาร์ดินัล จอร์เก้ มาริโอ เบอร์โกกลิโอ วัย 76 ปี จากประเทศอาร์เจนตินา ได้รับเลือกให้เป็นประมุของค์ใหม่ของคริสตศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิก นับเป็นพระสันตปาปาลำดับที่ 266 และเป็นองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ โดยเลือกใช้พระนาม "ฟรานซิส"


2.ระเบิดบอสตันมาราธอน การแข่งขันบอสตันมาราธอน ครั้งที่ 117 ซึ่งเป็นหนึ่งในรายการมาราธอนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในวันที่ 15 เมษายน ที่มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ ต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม จากเหตุระเบิด 2 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน บริเวณเส้นชัย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บนับร้อย ซึ่งจากการสืบสวนร่วมกันของหลายหน่วยงานสหรัฐพบว่าเป็นฝีมือของนายทาเมอร์ลัน ซาร์นาเยฟ วัย 26 ปี และนายโชการ์ ซาร์นาเยฟ วัย 19 ปี สองพี่น้องเชื้อสายเชเชน นำไปสู่การปิดเมืองตามล่าผู้ต้องสงสัย โดยรายแรกเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ส่วนรายหลังบาดเจ็บสาหัสและอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในศาล

3.โรงงานเสื้อผ้าบังกลาเทศพังถล่ม 24 เมษายน อาคารรานา พลาซ่า สูง 8 ชั้น ชานกรุงธากา เมืองหลวงบังกลาเทศ ซึ่งถูกใช้เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้า เกิดพังถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตพันกว่าราย นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าของโลก และยังกดดันให้แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังหลายค่าย อย่างเบเนตอง เอชแอนด์เอ็ม แก็ป วอล-มาร์ต ซึ่งใช้บังกลาเทศเป็นฐานการผลิต ต้องวางมาตรฐานใหม่ เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยที่โรงงานรับจ้างผลิต และเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำให้กับแรงงานบังกลาเทศ

                                     
4.สอดแนมบันลือโลก ต้นเดือนมิถุนายน นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (NSA) ออกมาแฉโครงการ "ปริซึม" ซึ่งเป็นแผนสอดแนมผ่านการดักฟังโทรศัพท์ เจาะอีเมล์ของพลเมืองอเมริกันและคนทั่วโลก การเปิดโปงของสโนว์เดนกระทบสายสัมพันธ์ของสหรัฐกับพันธมิตรใกล้ชิดหลายประเทศ อาทิ เยอรมนี บราซิล หลังมีการเปิดเผยว่าสหรัฐดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำหลายประเทศ ส่วนสหภาพยุโรปก็เตรียมชงกฎหมายให้ผู้ให้บริการอีเมล์ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ในยุโรป เพื่อป้องดันการถูกเจาะข้อมูล


5.รัฐประหารในอียิปต์ นายโมฮาเหม็ด มอร์ซี ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งเสรีคนแรกของอียิปต์ ถูกฝ่ายทหารโค่นอำนาจในวันที่ 3 กรกฎาคม โดยอ้างว่ามอร์ซีรวมถึงพรรคภราดรภาพมุสลิมซึ่งเป็นกลุ่มเคร่งศาสนา พยายามรวบอำนาจและกดขี่ประชาชนที่เห็นต่าง ทั้งยังพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนอียิปต์ให้เป็นสาธารณรัฐอิสลาม แต่การรัฐประหารครั้งนี้ ทำให้ผู้สนับสนุนนายมอร์ซีออกมาชุมนุมประท้วง และต่อมารัฐบาลรักษาการที่หนุนหลังโดยทหารตัดสินใจใช้กำลังเข้าปราบปรามจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้สหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรของอียิปต์และถือหางฝ่ายตรงข้ามของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมเริ่มมีท่าทีเย็นชาและถอนเงินช่วยเหลือ



6.ประสูติกาลเจ้าชายองค์น้อยแคทเธอรีน ดัชเชส แห่งเคมบริดจ์ และพระชายาในเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชวงศ์อังกฤษ มีพระประสูติกาลพระโอรสในวันที่ 22 กรกฎาคม สร้างความยินดีให้กับชาวอังกฤษและเครือจักรภพ ตลอดจนผู้คนทั่วโลกที่ติดตามข่าว เจ้าชายพระองค์น้อยมีพระนามว่า "จอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์" ทรงอยู่ในลำดับที่ 3 ของการสืบสันตติวงศ์ รองจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส พระอัยกา และเจ้าชายวิลเลียม พระบิดา




7.อาวุธเคมีในซีเรีย ท่ามกลางสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปี วันที่ 21 สิงหาคม มีการใช้อาวุธเคมีแถบชานกรุงดามัสกัส เมืองหลวง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนจนถึงหลักพัน โดยนานาชาติที่นำโดยสหรัฐกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรียที่ต้องการสังหารพลเรือนที่เชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับกลุ่มกบฏ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา พยายามเรียกเสียงสนับสนุนในเวทีสหประชาชาติให้ใช้กำลังทหารโจมตีรัฐบาลซีเรียเป็นการลงโทษ แต่ 2 สมาชิกถาวรของยูเอ็นอย่างรัสเซียและจีนซึ่งเป็นพันธมิตรแนบแน่นของซีเรียคัดค้าน สุดท้ายประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน หาทางออกให้ทั้งสองฝ่ายด้วยการเสนอให้ซีเรียเข้าเป็นสมาชิกองค์การต่อต้านการใช้อาวุธเคมี (OPCW) พร้อมให้เจ้าหน้าที่ยูเอ็นเข้าไปตรวจสอบและทำลายอาวุธดังกล่าวที่ยังเหลืออยู่ในซีเรีย



8.สหรัฐชัตดาวน์ ความขัดแย้งเรื่องงบประมาณระหว่างพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครต ทำให้รัฐสภาสหรัฐไม่สามารถผ่านแผนงบประมาณ 2557 ได้ทันกำหนดเส้นตาย 1 ตุลาคม เป็นเหตุให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเบิกจ่ายงบฯไม่ได้ และบางส่วนต้องปิดทำการเป็นเวลา 16 วัน เจ้าหน้าที่รัฐราว 8 แสนคนต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง เหตุการณ์นี้สั่นคลอนเสถียรภาพและความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมาก 



9.ซูเปอร์ไต้ฝุ่นถล่มฟิลิปปินส์ พายุไห่เยี่ยน พายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดในโลก พัดถล่มเกาะซามาร์ เลย์เต เซบู และภาคกลางของฟิลิปปินส์ในวันที่ 8 พฤศจิกายน สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน ประชาชน สาธารณูปโภคพื้นฐาน และพื้นที่เกษตรกรรม มีผู้เสียชีวิตราว 5 พันคน สูญหายนับหมื่นคน และไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 3 ล้านคน บลูมเบิร์กประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์



10.ปิดตำนานรัฐบุรุษแอฟริกาใต้ โลกต้องสูญเสียนักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวและอดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้ "เนลสัน แมนเดลา" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ในวัย 95 ปี แมนเดลาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศระหว่างปี 2537-2542 ก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มสมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน (ANC) ที่ต่อสู้กับรัฐบาลคนผิวขาวที่ใช้นโยบายแบ่งแยกสีผิวอย่างเข้มงวด ก่อนถูกจำคุกเป็นเวลา 27 ปี และได้รับการปล่อยตัวในปี 2533 เขายังเป็นเจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ประจำปี 2536 ด้วย

ภาพจากอินเทอรืเน็ตและข้อมูลจาก http://www.prachachat.net/

สิงคโปร์เป็นเมืองค่าครองชีพสูงสุดในโลกปี2014


วันที่ 4 มีนาคม  2014 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สิงคโปร์กลายเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก
แซงแชมป์เก่ากรุงโตเกียวเมื่อปี 2013

โดยการสำรวจจากEconomistIntelligenceUnit หรืออีไอยู ที่ทำการสำรวจเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในโลก
ได้เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดว่า สิงคโปร์ถือเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในโลก นอกเหนือจากกลุ่มเมืองที่มี
ค่าครองชีพสูงลำดับต้นๆทั้ง ปารีส(ฝรั่งเศส) ออสโล(นอร์เวย์) ซูริค(สวิสเซอร์แลนด์) และซิดนีย์
 (ออสเตรเลีย) โดยกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นตกอันดับลงมาจากการขึ้นเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในปีก่อน

                                       

ทั้งนี้การสำรวจได้เปรียบเทียบราคาของผลิตภัณฑ์และการให้บริการต่างๆรวมถึงราคาอาหารเสื้อผ้า
ค่าเดินทาง ค่าเล่าเรียนโรงเรียนเอกชน และการบริโภคภายในต่างๆใน 131 เมืองทั่วโลก 


สำหรับสิงคโปร์ประเทศที่มีมีเมืองชื่อสิงคโปร์เช่นกันบนพื้นที่เกาะขนาดเล็ก แต่มีราคาอสังหาริมทรัพย์
ที่สูงขึ้นมากเรื่อยๆในช่วงหลายปีมานี้ ท่ามกลางการหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติ รวมทั้งการเจริญ
เติบโตขยายตัวของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และการเป็นฮับที่ตั้งของหลายบริษัททั่วโลกในภูมิภาค
เอเชียแปซิฟิก 

ภาพจากอินเทอรืเน็ตและข้อมูลจาก http://www.prachachat.net/

ภาพเซลฟี่โพสต์โดยพิธีกรออสการ์2014 สร้างประวัติศาสตร์


ภาพนี้ประกอบด้วยแบรดลีย์ คูเปอร์ ซึ่งเป็นผู้ถ่ายภาพ รวมทั้งเจนนิเฟอร์ ลอวเรนซ์ 
เมอรีล สตรีพ เควิน สเปซีย์ แบรด พิตต์ จูเลีย โรเบิร์ต ลูปิต้า เนียงโอ รวมทั้งเอลเลน 
และคนอื่นๆ  ได้ทำลายสถิติเป็นภาพที่ถูกรีทวีตมากที่สุด เหนือกว่าแชมป์เก่า คือ 
ภาพของมิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ 
ในช่วงชนะเลือกตั้งครั้งที่สองเมื่อปี 2012 โดยภาพเซลฟี่ที่เต็มไปด้วยดาวดัง
ฮอลลีวูดรวมอยู่ในช๊อตเดียวนี้ มีการรีทวีตส่งต่อกว่า 2 พันล้านครั้ง ขณะเดียวกัน
 การได้เอลเลน มาเป็นพิธีกรออสการ์อีกครั้ง และสามารถสร้างสีสันสนุกสนาน
ให้แก่งานครั้ง นี้ ยังดึงดูดให้มีผู้คนชมรายการนี้ทั่วโลกกว่า 1 พันล้านคนด้วย

ภาพและข้อมูลจาก http://www.prachachat.net/