วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เรื่องจริงของประเทศจีน 16 ข้อ ที่เราต้องอึ้ง

จีนขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีประชากรจำนวนมากที่สุดในโลก ดังนั้นประเทศแห่งนี้จึงมีเรื่องราวหลายๆ เรื่องที่หลายคนคาดไม่ถึงเสมอ บล็อกนี้จะรวมเรื่องจริงของประเทศจีน 16 ข้อ ที่จะทำให้คุณอึ้งยิ่งกว่าเดิม
1. ประเทศจีนเป็นประเทศแรกที่ประดิษฐ์ตะเกียบและนิยมใช้ตะเกียบในการรับประทานอาหารเป็น
    อย่างมาก ในแต่ละปีจีนผลิตตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งจำนวนมากถึง 80,000 ล้านคู่ ซึ่งต้องใช้
    ต้นไผ่มากถึงปีละ 20 ล้านต้นเลยทีเดียว และถ้านำตะเกียบทั้งหมดมาวางเรียงกันให้เต็มพื้นที่
    ของจัตุรัสเทียนอันเหมิน จะมีจำนวนมากถึง 360 ชั้น


2. เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก จึงนิยมใช้รถไฟในการเดินทางภายในประเทศ
   เพราะสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ทางนำเอาทางรถไฟทั้งหมดของจีนมาเชื่อมต่อ
   เข้าด้วยกัน จะมีความยาว 93,000 กิโลเมตร ซึ่งยาวกว่าเส้นรอบวงของโลกถึง 2 เท่า
  (เส้นรอบวงของโลกมีความยาว 40,075 กิโลเมตร)


3.ประเทศจีนใช้ถ่านหินเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และมีถ่านหินสำรอง
   มากถึง 1.15 แสนล้านตัน ซึ่งมากเป็นอันดับ 3 ของโลก เทียบได้กับน้ำหนักของปลาวาฬ
   สีน้ำเงินจำนวนมากถึง 575 ล้านตัว และการใช้ถ่านหินในจีนคิดเป็นอัตราส่วนเท่ากับ 46%
   ของการใช้ถ่านหินรวมกันทั่วโลก


4.ประเทศจีนเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลก โดยจีนใช้เวลาแค่ 2 ปี ก็ผลิตปูนซีเมนต์ได้
  มากกว่าที่อเมริกาเคยผลิตได้ในช่วงศตวรรษที่ 20 อีกด้วย



5. ในแต่ละปี จะมีคนจีนตายเพราะการสูบบุหรี่มากถึง 1 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมากมากกว่าชาว
    ไซปรัสทั้งประเทศอีกด้วย (ประเทศไซปรัสมีประชากรประมาณ 865,000 คน) และองค์การ
    อนามัยโลกคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 จะมีคนจีนตายเพราะการสูบบุหรี่สูงถึงปีละ 3 ล้านคน


6. จีนเป็นประเทศที่มีก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับที่ 13 ของโลก ซึ่งมีจำนวนมากถึง 109.3
    ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือมีปริมาณเทียบเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิกซึ่งมีความจุ 88,000
    ลูกบาศก์ฟุต จำนวนมากถึง 1,240 ล้านสระเลยทีเดียว



7. จากสถิติในปี 2011 พบว่า คนจีนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากถึง 42,500 ล้านซอง ซึ่งถ้าเอา
    ไปให้คนแอลจีเรียทั้งประเทศ 38.7 ล้านคน กินวันละ 3 มื้อ จะอยู่ได้ถึง 1 ปีเลยทีเดียว



8. คนจีนนิยมกินเนื้อหมูมากที่สุดในโลก จากสถิติเมื่อปี 2012 คนทั่วโลกบริโภคเนื้อหมูรวมกัน
   104 ล้านตัน ครึ่งหนึ่งมากจากคนจีนประเทศเดียวซึ่งมีจำนวนมากถึง 52 ล้านตัน และน้ำหนัก
   เนื้อหมูที่ถูกคนจีนกินใน 1 ปี เทียบเท่ากับหอไอเฟล 5,200 หอ



9. จากการประเมินทรัพย์สินของเศรษฐีที่รวยที่สุดในจีนจำนวน 20 คน มีทรัพย์สินรวมกัน
    มากถึง 145,100 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าค่า GDP ของประเทศฮังการีซะอีก


10. ถึงแม้ว่าในปัจจุบันประเทศจีนถือว่ามีความเจริญเป็นลำดับต้นๆ ของโลก แต่กลับมีประชากร
      ที่ยังอาศัยอยู่ในถ้ำมากถึง 30 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประชากรทั้งหมดของประเทศซาอุดีอาระเบีย


11. เมืองต้าถัง (Datang) แห่งมณฑลเจ้อเจียง เป็นแหล่งผลิตถุงเท้าที่ใหญ่ที่สุดของจีน สามารถ
     ผลิตถุงเท้ามากถึงปีละ 8,000 ล้านคู่ ซึ่งสามารถเอามาแจกให้คนทั่วโลกได้คนละ 2 คู่
     (ใครสนใจนำเข้าถุงเท้าจากจีนอย่าพลาดที่จะไปที่เมืองนี้)


12. อัตราการฆ่าตัวตายของคนจีนมีมากกว่าคนสหรัฐอเมริการ 2 เท่า อัตราเฉลี่ยของคนจีน
      อยู่ที่ 22.2 ต่อประชากร 100,000 คน ส่วนสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 10.3 ต่อประชากร 100,000 คน


13. แม้ว่าประเทศจีนจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ แต่กลับมีเวลาสากลเพียงแค่เวลาเดียว ต่างจากประเทศ
     อเมริกาที่มีการแบ่งออกเป็นหลายไทม์โซน นั่นเพราะว่าแต่เดิมจีนแบ่งเวลาสากลออกเป็น 5
     ไทม์โซน แต่เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ประธานาธิบดี “เหมา เจ๋อ ตุง” ได้สั่งแก้ไขใหม่
     ให้เหลือแค่เวลาเดียวเท่านั้นในปี ค.ศ. 1949



14. ประเทศจีนสามารถผลิตอาหารได้เพียงพอที่จะเลี้ยงคน 20% ของคนทั่วโลก ทั้งๆที่มีพื้นที่
     ทำการเกษตรจำนวน 7% ของพื้นที่ทำการเกษตรของทั้งโลกรวมกัน



15. มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าในปี 2020 คนจีนจะมีเงินใช้จ่ายมากถึง 6.18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
      มากกว่าอัตรใช้จ่ายในปี 2010 ถึง 3 เท่าตัว




16. ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการเลี้ยงหมูมากที่สุดในโลก ซึ่งมีจำนวนมากถึง 475 ล้านตัว 
      คิดเป็นครึ่งหนึ่งของหมูทั่วโลก







จีนแก้ปัญหาฟักทองล้นตลาดด้วยการทำพาย


ที่เมืองฉางซาประสบปัญหาฟักทองผลิตออกมามากมายเกินไป  ทางการจึงหา
วิธี
แก้ปัญหาฟักทองล้นตลาด ด้วยการจัดทำพายฟักทองขนาดยักษ์ขึ้น 

กองฟักทองที่จะใช้ทำพาย


ใช้พ่อครัวมากถึง 40 คน
พ่อครัวกำลังช่วยกันขนวัสดุมาทำพาย
จีนจัดกิจกรรมทำพายฟักทองขนาดยักษ์ ใช้พ่อครัวมากถึง 40 คน ในเมืองฉางซา  
มณฑลหูหนาน  พายฟักทองอันนี้ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร หนา 6.5 เซนติเมตร
น้ำหนัก 900 กิโลกรัม

พ่อครัวเดินเข้าแถวถือถาดพายที่ผสมแล้ว เตรียมไปใส่ถาดอบ


กำลังใช้เครนเกลี่ยส่วนผสมให้เรียบ

กำลังใช้เครนยกฝาปิดเพื่ออบพายที่เกลี่ยไว้เรียบร้อยแล้ว


ภาพถาดอบพายขนาดยักษ์

ยกฝาปิดภายออกหลังจากอบได้ที่แล้ว


พ่อครัวกำลังช่วยกันตัดพาย

    พายที่ตัดแล้วนำมาใส่ถาดเพื่อนำไปแจกจ่ายช่วยกันชิมต่อไป

 คาดว่ากิจกรรมอันนี้ทำออกมาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกฟักทอง เพราะว่าช่วงนี้
เป็นฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร และมีเกษตรกรที่ปลูกฟักทองเป็นจำนวนมาก
ทำให้เกิดภาวะฟักทองล้นตลาดจนราคาตกต่ำนั่นเอง

ภาพและข้อมูลจาก http://www.foxnews.com/ และ http://chinamania.in.th/

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อังกฤษติดป้ายเตือน"ผีไม่มีตั๋วหรือใบอนุญาต ห้ามหลอกคน"ที่สถานีรถไฟ


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานีรถไฟ"เลียมมิ่ง สปา"ของอังกฤษ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นสถานที่ผีดุที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ ต้องจ้างนักไล่ผี หรือคนติดต่อสื่อสารกับวิญญาณแล้ว เพื่อแก้ปัญหาผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยที่ถูกวิญญาณหลอก ในช่วงที่ผ่านมา และทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้สถานีรถไฟแห่งนี้ จัดการกับปัญหา"ผีดุ"ในขบวนรถไฟ ทั้งจากผู้โดยสารและจากพนักงานของสถานีรถไฟ
 รายงานระบุว่า การจ้างนักไล่ผีของสถานีรถไฟแห่งนี้ของอังกฤษ เกิดขึ้นหลังจากผู้โดยสารหลายรายต่างประสบพบเจอกับปัญหาขนหัวลุกเจอเหตุการณ์หลอนในลักษณะต่าง ๆ ภายในสถานีรถไฟ ตั้งแต่ลานรถไฟร้างใต้ดิน บริเวณอาคารสำนักงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่มักจะได้ยินประตูกระแทกเอง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเปิดปิดเอง รวมทั้งพนักงานรถไฟที่บอกว่า ได้เห็นสิ่งประหลาดเกิดขึ้นภายในอาคาร  ขณะนั่งทำงานเอกสาร โดยเอกสารถูกสิ่งลึกลับขว้างลอยในอากาศ รวมทั้งยังได้ยินเสียงประตูเปิด และมีเสียงคนเดิน โดยไม่มีคนอยู่


  
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่บางรายบอกว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาและเพื่อน ๆ ต้องประชุมให้เสร็จเร็ว ๆ เพราะเกิดสิ่งเหนือธรรมชาติที่อธิบายไม่ได้ และกลายเป็นว่า พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับวิญญาณดุพวกนี้

ด้านนายสตีเฟ่น เฮอร์เบอร์ต เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานีรถไฟแห่งนี้ บอกว่า ทีนี้เป็นสถานที่ผีดุที่สุดที่เขาเคยเจอมา และยังต้องเจอกับเหตุการณ์หลอนหลายครั้หลายครา โดยเฉพาะการได้ยินได้เห็นผีเป็นประจำบริเวณชานชลา 


ทางด้านนายนิค รีส นักไล่ผีผู้รับงานนี้ บอกว่า เขายอมรับงานดังกล่าว โดยเขาให้ความเคารพต่อวิญญาณที่สถิตย์ในสถานีรถไฟแห่งนี้ แต่เขาก็ได้กฎห้ามวิญญาณไม่ให้คุกคามผู้คนแล้ว ด้วยการตั้งป้ายห้ามเหล่าวิญญาณหลอกผู้โดยสาร ซึ่งป้ายนี้มีข้อความว่า"เราได้รับรายงานว่า มีผีจำนวนหนึ่งใช้ความสามารถพิเศษเดินเหินผ่านประตูต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แทนที่จะใช้ตั๋ว การกระทำเช่นนี้ถือว่าฝ่าฝืนกฎ ซึ่งวิญญาณทุกวิญญาณจะต้องมีตั๋วเท่านั้น ขอขอบคุณ นิค รีส เจ้าหน้าที่สื่อสารด้านวิญญาณ"

หมดหนทางแล้วนะ แต่วิธีนี้อาจได้ผลก็ได้ อ่านข่าวนี้ทำให้นึกถึงป้ายห้ามลิงข้ามถนน
ที่จังหวัดสงขลาเลย ไม่รู้ว่าใช้ได้ผลหรือเปล่า  เปลี่ยนจากการเดิน/วิ่งข้ามถนน ไปข้ามสะพานแทนหรือเปล่า ต้องถามคนสงขลาดูว่าได้ผลมั้ย???


ลิงข้ามถนนกันวุ่นวายระหว่าง " เขาน้อย " และ " เขาตังกวน "
ทางเทศบาลสงขลา กลัวสมาชิกลิงถูกรถชนเลยสร้างสะพานให้พร้อม
ป้ายห้าม ถ้าไม่ปฏิบัติตามถูกปรับ 300 บาท


ติดป้ายประกาศซะเลย ถ้าไม่ข้ามสะพานโดนปปรับนะ

ตัวนี้กลัวโดนปรับเลยข้าม"สะพานลอยลิง "
 ที่เทศบาลนครสงขลา สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2547

เอ้า... ใครคนสงขลาเข้ามารายงานผลหน่อยนะ 

ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/ และ http://www.oknation.net/

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สิ่งมีชีวิตน่าขนลุก ที่เคยพบอยู่ในตัวคน


เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานข่าวว่าพบจิ้งหรีดอยู่ในหูของชายไม่ทราบชื่อ
ชาวอินเดีย สร้างความตกตะลึงให้แพทย์ผู้ตรวจอย่างมาก แต่นี่ไม่ใช่กรณีแรก ในช่วง
หลายปีที่ผ่านมาเคยมีรายงานพบสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์, แมลงและพืชถูกพบมีชีวิตอยู่ใน
ตัวคนมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งไทยรัฐออนไลน์ได้รวบรวมตัวอย่างสิ่งมีชีวิต 7 ชนิด ที่ไม่น่าเชื่อ
ว่าจะอยู่ในร่างกาย หรืออยู่ ณ อวัยวะนั้นๆ ของคนได้ มาให้ท่านผู้อ่านได้รับชมแล้วดังต่อไปนี้

1. หมึก
                                                                  ปลาหมึกดิบ ที่ใครบางคนนิยมรับประทาน
คนทั่วไปส่วนใหญ่คงไม่คิดจะทานหมึกดิบๆ ทั้งด้วยเหตุผลด้านสุขภาพหรืออื่นๆ แต่อีกเหตุผลหนึ่ง
ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อ คือถุงน้ำเชื้อของหมึกอาจเข้าไปฝังอยู่ในปากคุณก็ได้ ดังเช่นกรณีของหญิง
ชาวเกาหลีวัย 63 ปีรายหนึ่งเมื่อปี 2012
หญิงคนนี้มีอาการเจ็บในช่องปากหลังรับประทานอวัยวะภายในของหมึกที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ โดยที่เธอ
ไม่ได้กลืนชิ้นส่วนดังกลาว แต่บ้วนทิ้งในทันที เธอเล่าว่า มีอาการเหมือนถูกบางอย่างแทงและ
รู้สึกมีสิ่งแปลกปลอมในช่องปากของเธอ อวัยวะเล็กๆ คล้ายแมลงรูปร่างเหมือนเดือยขาว
ขนาดเล็ก 12 ชิ้นติดอยู่ในเยื่อเมือกของลิ้น กระพุ้งแก้ม และเหงือก และจากการตรวจสอบ
พบว่าสิ่งแปลกปลอมนี้คือ 'ถุงน้ำเชื้อ' ของหมึกสายพันธุ์ 'โทดาโรเดส แปซิฟิคัส'
(Todarodes pacificus)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหญิงเกาหลีรายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยในปี 2011 ก็เคยมี
รายงานว่า หมอพบถุงน้ำเชื้อของหมึกฝังตัวอยู่ใน เยื่อบุผิวของ 'เพดานแข็ง' (hard palate)
ในปากคนไข้เช่นกัน

2. หนอนแมลงวันตัวแบน


หนอนแมลงวันตัวแบนฝังในเบ้าตา

แมลงวันตัวแบน หรือ ‘botfly’ สายพันธุ์ ‘เดอร์มาโทเบีย โฮมินิส’ เป็นแมลงที่สามารถวางไข่
ในตัวคนได้ อาศัยอยู่ในอเมริกาใต้ตั้งแต่เม็กซิโกลงไปจนถึงชิลีและอาร์เจนตินา มันใช้ยุงและ
แมลงอื่นๆ กว่า 40 สายพันธุ์เป็นพาหะในการวางไข่บนตัวสัตว์ขนาดใหญ่รวมถึงมนุษย์ โดย
แมลงวันตัวแบนจะจับแมลงที่เป็นพาหะมา ฝากไข่ไว้บนตัวมัน ก่อนปล่อยไป และเมื่อแมลง
พาหะไปเกาะบนตัวคนไข่ก็จะตกลงไปบนผิวหนัง ความร้อนของร่างกายจะทำให้ไข่ฟักตัว
และมันจะมุดเข้าไปในผิวหนังอย่างรวดเร็ว
กรณีพบหนอนแมลงวันตัวแบนในร่างกายมนุษย์มีรายงานให้ได้ยินผ่านสื่อต่างๆหลายครั้ง
ซึ่งแต่ละกรณีล้วนน่าขนลุก แต่หนึ่งในกรณีที่สยดสยองที่สุดคงเป็นกรณีของเด็กชายวัย 5
ขวบชาวฮอนดูรัส ถูกพบว่ามีหนอนแมลงวันชนิดนี้ฝังอยู่บริเวณเบ้าตา ทำให้ต้องผ่าตัดนำ
ตัวหนอนออกมา
ตามปกติ หนอนแมลงวันจะฝังอยู่ในตัวคนเป็นเวลา 8 สัปดาห์ จึงจะเติบโตจนมีขนาด
พอเหมาะ (18-24 มม.) ก่อนจะออกมาจากผิวหนังและตกลงบนพื้นดิน และกลายเป็น
ดักแด้เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงกลายเป็นแมลงวันตัวแบนโดยสมบูรณ์และเริ่ม
วงจรชีวิตของแบบนี้ของมันต่อไป

3. พยาธิตัวตืด



เมื่อปี 2008 โดย โรสแมรี อัลวาเรซ ชาวเมืองฟินิกซ์ในสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าตนเองป่วยเป็น
มะเร็งสมอง เนื่องจากเธอมีอาการต่างๆ ตั้งแต่ทัศนวิสัยเบลอไปจนถึงอาการชาบริเวณแขนขา
เธอเข้ารับการตรวจ 2 ครั้ง รวมถึงรับการสแกนด้วยการทำ CT สแกน ผลก็ออกมาว่าเธอ
เป็นมะเร็งสมองชนิดที่ผ่าตัดยาก
อย่างไรก็ตาม อัลวาเรซเกลี้ยกล่อมให้ศัลยแพทย์ระบบประสาทยอมทำการสแกนสมองเธอ
ด้วยเครื่อง MRI สำเร็จ แต่เมื่อผลการตรวจออกมาหมอก็รีบให้อัลวาเรซเข้าห้องผ่าตัดทันที
เนื่องจากอาการที่เธอเป็นหาใช่เกิดจากมะเร็ง แต่เป็น 'พยาธิตัวตืดหมู' ในสมองของเธอ
ต่างหาก ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย เพราะการนำพยาธิตัวตืดออกจากสมอง
ง่ายกว่าการผ่าตัดมะเร็งสมอง
อัลวาเรซอาจสงสัยว่าเธอได้รับพยาธิเข้าไปได้อย่างไร ซึ่งแพทย์ระบุว่า เธออาจได้
รับประทานอาหารที่เจือปนของเสีย เช่น ปัสสาวะหรืออุจจาระ ของคนที่มีพยาธิตัวตืด
อยู่ในร่างกายก็เป็นได้
4. ปลาไหล



ในปี 2010 มีข่าวรายงานว่าเชฟชาวจีนวัย 59 ปี ซึ่งไม่มีการเปิดเผยนามรายหนึ่ง เดินทาง
เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกของจีน หลังจากเกิดอาการ
ปวดบริเวณท้องน้อย มีเลือดไหลออกจากทวารหนัก และปัญหาอื่นๆ อีกหลายอย่าง
แพทย์ที่กำลังงุนงนสับสน ไม่อาจหาสาเหตุของอาการต่างๆ ของชายคนนี้ได้ ตัดสินใจใช้
วิธีผ่าเปิดช่องท้อง เพื่อหาว่ามีเนื้องอกหรืออวัยวะภายในได้รับความเสียหายหรือไม่ และ
พวกเขาก็พบว่าลำไส้เล็กของชายคนนี้ได้รับความเสียหาย ซึ่งต้นเหตุเกิดจาก 'ปลาไหล'
ที่พบอยู่ในตัวของเขา แต่การรักษาไม่ทันการ เชฟรายนี้เสียชีวิตหลังจากรับการผ่าตัด 10 วัน
ส่วนสาเหตุที่มีปลาไหลอยู่ในลำไส้ของเขามีการเปิดเผยในภายหลังว่า ก่อนเกิดอาการป่วย
เชฟรายนี้ดื่มสุรากับเพื่อนๆ จนเมาหลับไป และเพื่อนๆ ของเขาก็เล่นพิเรนทร์แกล้งเขา
ด้วยการใส่ปลาไหลเข้าไปในรูทวารหนักของเขา
นอกจากนี้ยังมีอีกกรณีหนึ่ง ชายชาวจีนอีกคนเห็นการสอดใส่ปลาไหลในรูทวารหนักจาก
ภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ จึงตัดสินใจทำตาม สุดท้ายปลาไหลหลุดเข้าไปภายในตัวของเขา
 เขาจึงต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน ซึ่งแพทย์นำปลาไหลความยาว 20 เซนติเมตร ออกมา
จากลำไส้ใหญ่ของเขาได้สำเร็จ แต่แม้ชายคนนี้รอดชีวิตแต่ไม่รอดถูกปรับข้อหาทารุณกรรมสัตว์
5. แมงมุมขนปุย


แมงมุมขนปุยในรูหู

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ปี 2012 หญิชาวจีนทราบเพียงนามสกุลว่า ลี เข้าตรวจที่แผนกโรคหู, คอ,
จมูก ของโรงพยาบาล 'ฉางชา เซ็นทรัล' ในเมืองฉางชา เมืองเอกของมณฑลหูหนาน ทาง
ตอนใต้ของจีน หลังจากเธอมีอาการคันยุบยับในหู
ดร.หลิว เฉิง ตรวจนางลีโดยใช้กล้องส่องภายในรูหูและต้องตกใจเมื่อพบว่า มี 'แมงมุม' อยู่ใน
รูหูของเธอและไม่ใช่แมงมุมสายพันธ์ุเล็กเสียด้วย มันมีดวงตาขนาดใหญ่เห็นชัดๆ 4 ดวง มี
ขนปกคลุมร่าง และมีเขี้ยวเล็บ ซึ่งทำให้หมอกังวลว่ามันอาจมุดเข้าไปทำลายอวัยวะภายในหู
ของผู้หญิงคนนี้ หากมีใครไปรบกวนมัน โดยหมอตัดสินใจใช้น้ำเกลือหยอดเข้าไปในหูของ
นางลี และสามารถนำแมงมุมออกมาได้สำเร็จ
หมอเชื่อว่า แมงมุนตัวนี้อาจเข้าไปในหูของนางลีตอนที่เธอนอนหลับ และคาดว่าอยู่ในหู
ของธอมานาน 5 วันแล้ว ก่อนที่เธอจะมาตรวจที่โรงพยาบาล
6. ต้นถั่วลันเตา



ในช่วงฤดูร้อนปี 2010 รอน สเวดาน ผู้เฒ่าชาวรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา วัย 75 ปี
มีอาการของโรคถุงลมโป่งพองมานานหลายเดือน รวมทั้งไออย่างหนักและรู้สึกมีเรี่ยวแรง
น้อยกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับคนชรา แต่สเวดานกลัวว่าตนเองจะเป็นมะเร็งปอด
อยู่มาวันหนึ่งอาการเขาทรุดหนักจนกระทั่งภรรยาของเขาต้องเรียกรถฉุกเฉินมารับตัว
นายสเวดานส่งโรงพยาบาล
แพทย์ของโรงพยาบาลทำการตรวจนายสเวดานด้วยการเอกซเรย์ และพบบางสิ่งบาง
อย่างเติบโตอยู่ภายในปอดข้างซ้ายของเขา และต้องใช้เวลานานถึง 10 วัน กว่าจะทราบ
ผลการตรวจจากห้องแล็บ ซึ่งผลการตรวจแสดงให้เห็นว่านายสเวดานไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็ง
แต่อย่างใด แต่เป็น 'ต้นถั่วลันเตา' เล็กๆ ต้นหนึ่งงอกอยู่ภายในปอดของเขา และแพทย์
ผ่าตัดนำมันออกมาได้สำเร็จ
เบื้องต้นแพทย์เชื่อว่านายสเวดานเผลอหาใจเอาเมล็ดถั่วลันเตาเข้าไปในปอดโดยบังเอิญ
 และด้วยอุณหภูมิในร่างกายมนุษย์ทำให้มันแตกหน่อออกมา

7. ลูกปลา



อานิล บาเรลา เด็กชายชาวอินเดีย เผชิญเหตุไม่คาดฝัน โดยวันหนึ่งเมื่อปี 2013 อานิลซึ่ง
ขณะนั้นมีอายุเพียง 12 ปี เริ่มเกิดอาการหายใจลำบากหลังจากเล่นน้ำในแม่น้ำแห่งหนึ่งกับเพื่อน
จนต้องเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการป่วยของเขา และ
แพทย์ก็พบสาเหตุของอาการป่วย โดยเป็นปลาชนาด 8.9 เซนติเมตร ในปอดของเขา
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปลาเข้าไปอยู่ในปอดของอานิล เด็กคนนี้สารภาพว่าเขาเล่นเกม 'กลืนปลา
เป็นๆ' แข่งกับเพื่อนๆ ของเขา แต่ขณะกลืนอานิลสูดอากาศหายใจเข้าพอดี ทำให้ปลาเข้าไป
อยู่ในปอด โดยหลังผ่าตัดอานิลมีอาการปลอดภัย แต่ที่น่าตกใจคือปลายังมีชีวิตอยู่ในตอนที่
ศัลยแพทย์ผ่าพบ แต่สุดท้ายไม่นานหลังจากนั้นมันก็ตาย
อีกกรณีหนึ่ง เกิดกับเด็กชายชาวอินเดียวัย 14 ปี เขาเข้าโรงพยาบาลหลังจากมีอาการปัสสาวะ
ลำบาก และมีเจ็บขณะถ่ายปัสสาวะ โดยที่เขาไม่มีประวัติเจ็บป่วยในด้านนี้มาก่อน แพทย์ได้
ทำการตรวจหลายรูปแบบสุดท้ายก็สามารถระบุสาเหตุได้ โดยพวกเขาพบปลาเป็นๆ ตัวเล็กๆ
ขนาด 1.5 เซนติเมตร อยู่ในกระเพาะปัสสาวะของเด็กคนนี้ แพทย์ใช้หลายวิธีการเพื่อนำปลา
ออกมา และสำเร็จเมื่อใช้วิธีส่องกล้อง
แล้วปลาเข้าไปอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างไร เด็กคนนี้เล่าว่า วันหนึ่งเขากำลังล้างตู้ปลา
อยู่แต่เกิดอยากปัสสาวะขึ้นมา เขาจึงไปเขาห้องน้ำโดยถือปลาตัวนี้ไปด้วย ซึ่งขณะที่เขา
กำลังปลดทุกข์อยู่นั้น ปลาได้ลื่นหลุดจากมือของเขา หล่นลงบนอวัยวะเพศก่อนจะมุดเข้า
ไปข้างใน กรณีที่เกิดกับเด็กคนนี้กลายเป็นกรณีศึกษาในวงการแพทย์ด้วย.

ภาพและข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th/

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พบปูทะเลยักษ์ ที่ภูเก็ต

ชาวบ้านฮือฮา พบปูทะเลยักษ์ น้ำหนักกว่า 2.8 กิโลกรัม เผยเป็นครั้งแรกที่เคยพบ และมีขนาดใหญ่กว่าตัวที่เคยพบใน จ.กระบี่ ก่อนนำส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หวังเป็นประโยชน์ด้านการศึกษาต่อไป... 


เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 13 ต.ค. 57 ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภสิษ ผดุงการ อายุ 29 ปี ผู้รับเหมาวางระบบประปาและน้ำบาดาล นำปูทะเลยักษ์ที่ยังมีชีวิตและมีน้ำหนักกว่า 2.8 กิโลกรัม ขนาดความกว้างของกระดอง 36 เซนติเมตร ความยาวจากลำตัวถึงก้ามกว่า 2.2 ฟุต โดยยังมีลักษณะพิเศษคือ กระดองมีสีดำ มีก้ามขนาดใหญ่สีน้ำตาลอมเขียว บริเวณด้านหลังกระดองมีลวดลายคล้ายใบหน้าลิง มาส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่า เป็นปูทะเลที่มียังมีชีวิต และมีความใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีการพบมาใน พื้นที่จังหวัดภูเก็ต
จากการตรวจสอบพบว่า เป็นปูทะเลเพศผู้ ชาวประมงพื้นที่เรียกกันว่า ปูทองหลาง หรือปูเขียว หาพบได้ยากมากในปัจจุบัน เนื่องจากป่าชายเลนมีปริมาณลดลง โดยตลอดทั้งวันก่อนที่จะนำปูยักษ์มาส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปศึกษาและอาจนำไปเป็นแม่พันธุ์ เพื่อนำลูกๆ มาปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ได้มีชาวบ้านมาขอซื้อและขอดูปูยักษ์ เพื่อตีเลขเด็ดเป็นจำนวนมาก



ทั้งนี้ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ชาวประมงใน จ.กระบี่ เคยจับปูทะเลยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับปูทะเลยักษ์ที่จับได้ในครั้งนี้ โดยชาวประมงพื้นบ้านใน จ.กระบี่ จับปูยักษ์ตัวดังกล่าวได้มีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม แต่มาครั้งนี้ชาวประมงพื้นที่ที่บ้านป่าคลอก ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จับได้นั้นมีน้ำหนักถึง 2.8 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าใหญ่กว่าปูทะเลยักษ์ที่เคยจับได้ในจังหวัดกระบี่ถึง 5 ขีด



นายภสิษ ผดุงการ เล่าให้ฟังว่า ได้ปูตัวดังกล่าวมาจากลูกน้องคนงาน ซึ่งออกไปวางลอบดักปู และวางกับดักปลา ที่บริเวณลำคลองบริเวณบ้านป่าคลอก ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งลูกน้องเล่าว่า ปูตัวดังกล่าวติดอยู่กับเครื่องดักปลา ตอนแรกคิดว่าเป็นก้อนหิน แต่เมื่อดึงขึ้นพบว่าเป็นปูขนาดใหญ่ จึงนำกลับมาให้ตน ซึ่งตนเองเห็นว่า ปูตัวดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก ในชีวิตไม่เคยพบเห็นปูที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ จึงปรึกษากับครอบครัวว่าจะนำไปมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อให้คนอื่นได้ชื่นชมด้วย ขณะเดียวกันอาจนำไปให้ประมงจังหวัดนำไปขยายพันธุ์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการประมงต่อไป

ภาพและข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th/

เชื่อไหมว่าผู้เฒ่าชาวอิหร่านไม่ได้อาบน้ำมา กว่า 60 ปีแล้ว


Amoo  Hadji  ชาวอิหร่านวัย 80ปี ผู้นี้ปฏิเสธที่จะอาบน้ำเป็นเวลามากกว่า 60 ปี
เขาใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายอยู่ที่หมู่บ้าน Dezhgah  เมือง Farashband  จังหวัด Fars
ของประเทศ Iran  เขาสามารถมีชีวิตอยู่กลางดิน มีที่อยู่เป็นห้องเล็กๆ แต่ถ้าดู
จากสภาพของเขาโดยรวมก็ถือว่ามีสุขภาพแข็งแร็งต่างกับคนในเมือง ที่มีอายุ
ขนาดนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีสุขภาพไม่แข็งแรง

เรามาดูภาพการดำเนินชีวิตของเขากันดีกว่า

Amoo  Hadji 


Amoo  Hadji  สูบยามาจากมูลสัตว์ด้วยไปป์ที่มีค่ามากที่สุดของเขา


มือของAmoo  Hadji ที่ไม่ได้อาบน้ำมากว่า 60 ปี






Amoo  Hadji  ส่องกระจกดูความเรียบร้อยของตัวเอง

Amoo  Hadji 

Amoo  Hadji  นั่งพักผ่อน


Amoo  Hadji  สูบบุหรีทีละหลายมวนเชียว

ดูจากการเดินจะเห็นว่า Amoo  Hadji  ยังมีสุขภาพแข็งแรง

ที่พักของAmoo  Hadji




ภาพและข้อมูลจาก http://www.viralnova.com/