วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ในที่สุด กองหน้า"กัดสยอง" ซอเรส ของอุรุกวัย ก็ได้รับโทษแบน 9 นัด สำหรับการกัดหัวไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่

                     
เขากลับมาอีกแล้วกับครั้งหนึ่งเคยถูกตั้งฉายา "กัดสยอง"...สื่อกีฬาดังในอังกฤษจวกแหลก
หลุยซ์ ซัวเรซ ดาวยิงอุรุกวัยที่ก่อเรื่องฉาวขึ้นอีกครั้งเมื่อใช้ฟันเฉาะหัวไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่
กองหลังทีมชาติอิตาลี ระหว่างเกม เวิลด์ คัพ 2014 กลุ่ม ดี เมื่อคืนวันอังคารที่ 24 มิ.ย.
2014 ที่ผ่านมา

"เดลี่ เมล" เว็บไซต์สื่อกีฬาดังในประเทศอังกฤษ เผยช็อตเด็ดที่ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติ
อุรุกวัย 
ใช้ฟันเฉาะหัวไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ระหว่างเกม เวิลด์ คัพ 2014
กลุ่ม ดี 
นัดส่งท้ายที่ทัพ จอมโหด เชือด 1-0 ผ่านเข้ารอบต่อไปได้ในที่สุด พร้อมจวกแหลกสตาร์
ลิเวอร์พูล 
ไม่เคยคิดปรับปรุงตัว

                                    
ซัวเรซ เคยโดนสมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือ เอฟเอ แบนยาวถึง 10 นัดมาแล้วในระดับสโมสร
กรณีไปกัดบรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังเซิร์บ เชลซีเมื่อปลายซีซั่น 2012/13 ยาวเลยมาถึง
ต้นฤดูกาลที่ผ่านมา
และล่าสุด ดาวยิง "หงส์แดง" ก็ได้ปล่อยช็อตเด็ดอีกเมื่อเฉาะไปที่หัวไหล่ของ
คิเอลลินี่ ระหว่างเกม
 เวิลด์ คัพ 2014 เมื่อคืนวันอังคาร

เดลี่ เมล ได้พาดหัวตัวโตบนเว็บไซต์ว่า "ซัวเรซ กัดอีกแล้ว" ขณะรายงานสดเกมนี้ออนไลน์ ส่วนใน
เนื้อข่าวระบุว่า "นายคนนี้จะไม่ยอมเรียนรู้อะไรเลยเหรอ? กับพฤติกรรมน่าอายเช่นนี้" โดยเวลานี้
เขาสุ่มเสี่ยงกับการโดนแบนไม่น้อย หากว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ ฟีฟ่า ลงมือสอบสวน
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2010 สมัยที่ยังเล่นอยู่กับ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ในฮอลแลนด์ ซัวเรซ เคยถูกลงโทษ
แบน 7 นัด เนื่องจากไปกัดใส่ ออตมาน บัคคัล กองกลางของพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน แถมยังเคยถูกแบน
8 นัด เมื่อไปแสดงอาการเหยียดผิวใส่ ปาทริซ เอวรา แบ็คซ้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย
มีการคาดการณ์ว่า สื่ออังกฤษ น่าจะตามจิกกัดเขาระลอกใหม่กับลูกบ้าเที่ยวล่าสุด จนอาจทำให้เจ้าตัว
ตัดสินใจย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล โดยมีสองยักษ์สเปนอย่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า รอรับเซ้ง
ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าตัวเพิ่งให้สัมภาษณ์ทำนองตัดพ้อว่า สื่อมวลชนแดนผู้ดี ไม่ค่อยชอบขี้หน้าตนเอง
              

อย่างไรก็ตาม มีรายงานระบุว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สามารถลงโทษแบนนักเตะจาก
ความผิดฐานกัดคนอื่นได้นานที่สุดถึง 2 ปีเลยทีเดียว โดยนี่เป็นครั้งที่ 3 ที่แข้งวัย 27 ปี ก่อเหตุกัด
คนอื่น หลังก่อนหน้านี้เขาเคยโดนแบน 7 นัด ระหว่างเล่นให้ อาแจ็กซ์ เมื่อปี 2010 เพราะกัด
อ็อตมาน บัคคัล กองกลางที่ตอนนั้นเล่นอยู่กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และถูกแบนอีก 10 เกม
ในปี 2013 จากการงับ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ปราการหลัง เชลซี มาแล้ว

                             


และในที่สุดผลการตัดสินก็ออกมาแล้ว โดยห้าม
หลุยส์ 
ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ลงเล่นทีมชาติ 9 นัด
และห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมด้าน
ฟุตบอลอีก 4 เดือน 


ส่วนโรนัลโด้ อดีตยอดดาวยิงเลือดกาแฟ ได้แสดงความเห็นว่า โทษแบน 9 นัด และห้าม
มีเอี่ยวกับด้านฟุตบอลอีก 4 เดือนของ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย เป็นสิ่งที่เหมาะสม
ดีแล้ว ชี้ว่า มันก็เหมือนที่เด็กในบ้านเกิดของตนโดนลงโทษตอนทำผิด

                                     
โรนัลโด้ ตำนานกองหน้าชาวบราซิเลียน แสดงทัศนะว่า บทลงโทษจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
(ฟีฟ่า) ที่สั่งแบน หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย จากการลงเล่นเกมทีมชาติ 9 นัด และถูกสั่ง
ห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมด้านฟุตบอลอีก 4 เดือน จากความผิดฐานกัดไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลัง
ของทีมชาติอิตาลีในเกม ฟุตบอลโลก 2014 นั้น เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว
โทษแบนสถานหนักของ ซัวเรซ คือประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายถกเถียงกันอย่างหนักว่า มันเหมาะสม
หรือไม่เพราะมันหมายความว่า แข้งวัย 27 ปี จะหมดสิทธิ์ลงเล่นมหกรรมลูกหนังโลกฉบับแดนกาแฟ
ทันที ซึ่ง"โล้นทองคำ" มองว่า บทลงโทษแบบนี้คือสิ่งที่เหมาะสมดีแล้ว
"ผมรู้ว่าการกัดอย่างนั้นมันทำให้เจ็บ ลูกน้อยของผมก็เคยกัดผม และผมก็ลงโทษพวกเขา ในบ้านเกิด
ของผมนั้น การลงโทษมันถูกเรียกว่าการอยู่ในห้องมืดๆ พร้อมกับหมาป่าตัวใหญ่ ซึ่งสำหรับผู้ใหญ่แล้ว
ผมคิดว่ามันก็เป็นแบบเดียวกับการโดนแบน 4 เดือนนั่นแหละ" ตำนานดาวยิงวัย 37 ปี ให้สัมภาษณ์
กับสื่อในบ้านเกิด
บอกตรงๆ นะ คนเราปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบที่สามารถทำให้ตัวเองเด่นดังและเป็นที่
จดจำได้
ในชั่วข้ามคืน แม่สิ่งที่ทำอาจจะน้ำความเดือดร้อนมาให้ผู้อื่น และบางครั้งการกระทำ
ดังกล่าวก็เป็น
แบบอุตริ วิตถาร ที่คนธรรมดาเค้าไม่ทำกัน ท่านผู้อ่านก็คิดดูเองก็แล้วกันว่า
เราควรจะทำให้ตัวเองดัง
แบบไหนดี มีตัวอย่างทั้งดารา นางแบบนายแบบ นักร้อง นักแสดง
นักกีฬาต่างๆ ก็เลือกเลียนแบบ
ตามชอบก็แล้วกัน แต่อย่าลืมว่า "ทำอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ทำ
ความเดือดร้อนให้ผู้อื่น"
นะจ๊ะ

ดูคลิปเพิ่มเติม
-การกัดของ Saurez กัดไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังทีมชาติอิตาลี ในเกม ฟุตบอลโลก 2014 


-ประวัติการกัดของ Saurezที่ผ่านมา

                               

ภาพจาก http://www.youtube.com/และข้อมูลจาก http://2014.7mth.com/และ  http://news.7mth.com/

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เด็ก 2ขวบ ติดเหล้าอายุน้อยสุดโลก

เด็กชายชาวจีน วัย 2 ขวบ กลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง หลังเป็น
เด็กติดเหล้าที่อายุน้อยที่สุดในโลก

 
                          25 มิ.ย. 57  เฉิง เฉิง เด็กชายชาวจีน วัย 2 ขวบ จากมณฑลอันหุย ของจีน
กำลังตกเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง หลังเป็นคนติดเหล้าที่อายุน้อยที่สุดในโลก และมีฉายาว่า
"ผู้เสพไวน์ตัวน้อย" (Little Winebibber) เพราะไม่ยอมดื่มนม และดื่มแต่ไวน์กับเบียร์
 
                          หนูน้อยเฉิง เฉิง สามารถดื่มเบียร์ได้เร็วกว่าพ่อและแม่ และยังกรีดร้อง ขอดื่มแต่เบียร์
และไม่สนใจที่จะดื่มนม ทางการกำลังเข้าช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น // รายงานระบุว่า อาจจะดูเหมือนเป็น
ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ทดสอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพ่อแม่บางคนก็เชื่อ
แม้กระทั่งว่า จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อลูกๆ ของพวกเขาบรรลุนิติภาวะ ก็ไม่ต้องพยายามทั้งคืน ไปกับการ
ลองดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 
 
                          แต่สำหรับพ่อแม่ของหนูน้อยเฉิง เฉิง พบว่า สิ่งที่พวกเขาทำได้ส่งผลในทางตรงข้าม
หลังจากลองหยดไวน์ลงไปที่ตะเกียบให้เฉิง เฉิง ได้ลองลิ้มรสตั้งแต่อายุเพียง 10 เดือน ปรากฏว่า
เขาชอบ และหลังจากนั้นก็จะร้องขอมาตลอด พ่อแม่พยายามป้อนนม น้ำ หรือแม้แต่น้ำอัดลม แต่เขา
ไม่ยอมกิน และจะกรีดร้องจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ 
 
                          คนทั่วไปและคนในโลกสังคมออนไลน์ทั้งในจีนและทั่วโลกที่เห็นข่าวนี้ ต่างตำหนิ
พ่อแม่ของเด็ก ที่พวกเขาเห็นเป็นเรื่องขบขันที่ลูกกระดกขวดไวน์เข้าปาก ญาติๆ บอกว่า เฉิง เฉิง สามารถ
ดื่มเบียร์หมดขวด โดยไม่มีผลกระทบข้างเคียงใดๆ ที่บ่งชี้ว่า เขาจะคอแข็งกว่านี้เมื่อโตขึ้น ซึ่งยิ่งจุดกระแส
ไม่พอใจมากขึ้นไปอีกว่า เรื่องนี้ควรจะสิ่งที่พ่อแม่ควรภาคภูมิใจหรือไม่ ทั้งยังแสดงให้เห็นการเลี้ยงลูก
แบบตามใจ และถ้าเขาติดเหล้าอย่างจริงจัง หรือที่เรียกว่า "แอลกอฮอลิค" ก็จะกลายเป็นปัญหาที่ยุ่งยาก
เพราะมันห้ามยากพอๆ กับการห้ามผู้ใหญ่ที่เป็นโรคนี้ไม่ให้ดื่มเหล้า และยิ่งยากขึ้นไปอีก กับการพยายาม
อธิบายต่อเด็กในวัยไร้เดียงสา ว่าเหตุใดเขาจึงไม่สามารถดื่มเหล้าได้ 
 
                          หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ กำลังพิจารณาที่จะเอาตัวเด็กชายเฉิง เฉิง ไปดูแล จนกว่า
พฤติกรรมการติดเหล้าของเขาจะควบคุมได้ และพ่อแม่ของเขาก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่าสามารถดูแลเขาได้
อย่างเหมาะสม // มีคำถามตามมาว่า พ่อแม่ของเด็กจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งมีรายงานว่า
แม่ของเด็กกำลังวิตกต่อเรื่องนี้ ทำให้เธอพยายามจะหัดให้ลูกหันมาดื่มนม 
 
                          รายงานระบุว่า เด็กชายเฉิง เฉิง จะร้องขอดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ก็แต่เวลาที่เห็น
พ่อกับแม่ หรือญาติๆ ดื่มกัน ทางเดียวที่จะหยุดเขาได้ ก็คือไม่นำมาตั้งให้เขาเห็น พ่อแม่ควรเริ่มด้วยการ
ไม่ดื่มต่อหน้าเขา และไม่ซื้ออีก ซึ่งเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง 
 
                          แพทย์หลายคน พากันเป็นห่วงว่า อวัยวะภายในของเด็กน้อย อาจเสียหายเพราะดื่มเหล้า
ตั้งแต่ยังเป็นทารก และเกรงว่า จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายปีนับจากนี้ และที่สำคัญคือ พ่อแม่
จะต้องตระหนักว่า การที่ลูกของพวกเขา ได้รับฉายาว่า เป็นแอลกอฮอลิค ที่อายุน้อยที่สุดในโลก ไม่ใช่
เรื่องน่าภูมิใจ และไม่ใช่สิ่งที่เด็กน้อยจะต้องการจดจำ เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ภาพและข้อมูลจากhttp://www.komchadluek.net/
 

เปิดตัว'หุ่นผู้ประกาศข่าว'ตัวแรกของโลก


ญี่ปุ่น เปิดตัวหุ่นยนต์ผู้ประกาศข่าวตัวแรกของโลก ซึ่งมีลักษณะเหมือน
คนมากเสียจนน่าแปลกใจ สามารถแสดงอารมณ์ขันที่เป็นทักษะทางภาษา
ที่สมบูรณ์แบบได้อีกด้วย

                          25 มิ.ย. 57  หุ่นยนต์สาวชื่อ "โคโดโมรอยด์" ที่มาจากการรวมกันของคำสองคำ
ได้แก่ คำว่า โคโดโม ที่แปลว่าเด็ก และคำว่า แอนดรอยด์ ที่หมายถึงหุ่นยนต์เสมือนจริง ได้รายงานข่าว
แผ่นดินไหว และข่าวการบุกของเอฟบีไอ ที่สร้างความประหลาดใจให้ผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียว 
                          โคโดโมรอยด์ ได้หยอกล้อ ศาสตราจารย์ฮิโรชิ อิชิกูโร่ ผู้ประดิษฐ์เธอว่า "คุณเอง
ก็เริ่มจะเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกทีแล้ว" นอกจากนี้ เธอยังแสดงการพูดรัวๆ ให้ดู ท่ามกลางความประหลาดใจ
ของผู้คนในงาน
                          โคโดโมรอยด์ที่สมบูรณ์แบบตัวนี้ ถูกขนาบข้างด้วยหุ่นยนต์รุ่นพี่อีกตัวหนึ่ง ชื่อว่า
โอโตนารอยด์ ซึ่งมาจากคำว่า โอโตนะ ที่แปลว่าผู้ใหญ่ โดยโอโตนารอยด์ มีท่าทางตื่นเวที และเมื่อ
ถึงเวลาแนะนำตัว เธอก็อ่านบทร่างคำพูดของเธอผิด ซึ่งหลังจากที่ต้องรีบูทเครื่องแล้ว เธอก็ได้พูดว่า
เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย 
                          แต่ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์โอโตนารอยด์ คงต้องได้รับการปรับแต่งอีกเล็กน้อย
ก่อนจะเริ่มงานผู้ประกาศที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เพราะปากของเธอยังขยับไม่ตรงกับเสียง รวมไปถึง
คอของเธอที่ยังเคลื่อนไหวคล้ายกับคนที่มีปัญหาการนอนด้วย 
                          หุ่นยนต์ทั้งสองตัวจะปฏิบัติงานที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งชาติ
ในกรุงโตเกียว โดยจะสื่อสารกับผู้มาเยืยน เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการศึกษาวิจัยของอิชิกูโร่ ในประเด็น
ปฏิกิริยาของมนุษย์ต่อหุ่นยนต์ 
                          ขณะที่ตัวอิชิกูโร่เอง ก็มีหุ่นยนต์ที่จำลองมาจากตัวเขาเช่นกัน ซึ่งเขาส่งมันไป
ต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ให้การบรรยาย เขากล่าวเสริมว่า การทำแบบนี้จะช่วยลดปริมาณการเดินทาง
ของเขาได้ และจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้หุ่นยนต์มีลักษณะและท่าทางเหมือนคนจริงๆ มากขึ้น
ซึ่งเขามองว่ามันจะทำให้เราต้องคิดถึงคุณค่าของมนุษย์อย่างเราๆ แล้ว
                          ส่วนหุ่นยนต์ช่างพูดอย่าง เปปเปอร์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนภายในบ้าน
 โดยซอฟต์แบงก์ ก็ประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะวางขายที่ญี่ปุ่นในปีหน้า
ภาพและข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บ้านที่แคบที่สุด



มีบ้านหลังหนึ่งมีความกว้างสุดไม่เกิน 60 นิ้ว สร้างโดย Jakub Szczesny สถาปนิกชาวโปแลนด์
วัย  39 ปี ที่มีไอเดียในการสร้าง หลังจากที่เห็นที่ว่างระหว่างตึกสูงกับแฟลตในเขตชุมชนแออัด
เก่าแก่ของยิว


 Jakub Szczesny สถาปนิกชาวโปแลนด์ภาพโดย Andreas Meichsner




โครงสร้างบ้าน จะประกอบแล้วยกมาวางระหว่างซอกตึก
ในกรงวอร์ซอว์ โปแลนด์ ซึ่งมาประจวบเหมาะกับ Etgar Keret, นักเขียนชาวอิสราเอลที่มีชื่อเสียง 
วัย  45  ปี ซึ่งมีแม่อยู่ในยุคของนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  และเขียนหนังสือ Suddenly,
 a Knock on the Door  ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ Szczesny อยากได้มีโอกาสสร้างบ้านในฝัน
 จะเห็นชั้นบนที่เป็นกระจกจะเป็นห้องนอน
ส่วนที่เป็นสีส้มคือภาพส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นเป็น bean bag chair
ส่วนที่มองเห็นด้านซ้ายมือล่างเป็นบันไดขึ้นห้องนอน
และที่เห็นเป็นทางลงนั่นคือบันไดลงจากบ้านไปที่ถนนด้านล่าง
ในที่สุดฝันก็เป็นจริงก็ได้สร้างบ้านระหว่างตึกขึ้น   เป็นบ้าน 2 ชั้น  บ้านกว้างประมาณ 3 ฟุต  
ชั้นล่างเป็นห้องน้ำ ห้องครัว  ชั้นบนเป็นห้องนอน   
ภาพห้องนอนอยู่ชั้นบน
แต่ตามกฏหมายของโปแลนด์ บ้านนี้แคบเิกินไปที่จะเป็นบ้านอยู่อาศัย ดังนั้น   Szczesny 
และ Keret  ก็เลยทำเป็น art installation โดยมี the Foundation of Polish Art  
เป็นฝ่ายบริหารดูแล  และให้บ้านนี้มีชื่อว่า  the Keret House  ตามชื่อของ Etgar Keret
Etgar Keret, นักเขียนชาวอิสราเอล ที่เป็นแรงบรรดาลใจให้เกิดบ้านหลังนี้ขึ้นมา



ภาพดูระยะใกล้ จะเห็นว่าอยู่ระหว่างอาคารสูง2 หลัง
อยู่ในซอกตึกจริงๆ
ข้อมูลจาก http://www.reuters.com และภาพจาก http://www.nytimes.com/

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พบต้นตะเคียนยักษ์จมอยู่ใต้ดินที่ตาก


เมื่อ 14 มิถุนายน 2557 หนังสือพิมพ์ Bangkok Post รายงานจากจังหวัดตากว่า ชาวบ้าน
ตำบลเชียงทอง อำเภอเชียงเจ้า  จังหวัดตาก ได้ขุดต้นตะเคียนซึ่งมีความยาวถึง 22.5 เมตร
ขึ้นจากดิน  ซึ่งการขุดครั้งนี้มาเกิดจากความฝัน

ตามรายงานนั้นได้เกิดมีชาวบ้านหลายคนได้ฝันคล้ายกันว่ามีผูหญิงมาเข้าฝัน ขอร้องให้ช่วย
เพราะหนาวเหลือเกินเนื่องจากถูกฝังอยู่ใต้ดินมานาน

ชาวบ้านจึงได้ไปสำรวจสถานที่
เห็นในความฝันและนำมาซึ่งการขุดที่ใช้เวลาถึง 4 วัน และขุดลึก
ถึง 4.7 เมตร จึงพบ
ต้นตะเคียนซึ่งมีความยาวถึง 22.5 เมตร  และต้องใช้รถแบคโฮ ถึง 3 คัน
มาใช้ในการยก
ต้นตะเคียนขึ้นมา

และชาวบ้านบอกว่า จะนำต้นตะเคียนที่ค้นพบนี้ไปเก็บไว้ที่วัดในหมู่บ้านและชาวบ้านเชื่อว่า
การพบต้นตะเคียนครั้งนี้จะนำความโชคดีมาให้ทุกคนในหมู่บ้าน

ภาพและข้อมูลแปลจาก http://bangkokpost.com/


วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ระทีก! บ้านหรูในเท็กซัสจ่อตกหน้าผา หลังฐานดินร่อนสลายตัว เจ้าของบ้านเผ่นหนี


เมื่อ 11 มิถุนายน  2014 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แมนชั่นหรูในรัฐเท็กซัส
ของสหรัฐแห่งหนึ่ง ต้องเผชิญชะตากรรมหวาดเสียวเสี่ยงตกหน้าผา หลังจาก
ฐานดินบริเวณที่ตั้งแมนชั่นได้เกิดการร่อนสลายตัว




รายงานระบุว่า แมนชั่นหรูแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเลค วิทนีย์ ในเมืองดัลลัส สร้างเมื่อปี 2007
ได้ถูกจับภาพจากเฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวท้องถิ่นสหรัฐ เพื่อเฝ้าดูว่ามันจะตกทะเล
หรือไม่ ขณะที่เจ้าของบ้านได้หนีออกจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว และมีการเตือนให้ชาวบ้าน
ใกล้เคียงอยู่ห่างจากแมนชั่นหลังนี้


โดยก่อนหน้านี้ เพื่อนบ้านได้โทรศัพท์แจ้งสำนักงานฉุกเฉินหลังพบว่า บางส่วนของ
แมนชั่นแห่งนี้ได้ร่วงตกทะเล เพราะดินร่อนสลายตัว ขณะที่สำนักงานนายอำเภอ
ท้องถิ่นบอกว่า เมื่อตอนที่แมนชั่นหลังนี้ถูกสร้าง มันปลอดภัย และอยู่ห่างจากหน้าผา
เนื่องจากมีชั้นดินหลายชั้นขวางอยู่


ดูคลิปเพิ่มเติม



ล่าสุดทางการสหรัฐฯ ได้เผาบ้านริมผา เหนือทะเลสาบวิทนีย์แล้ว





สหรัฐฯ ตัดสินใจเผาบ้านหรูริมหน้าผาทิ้ง หลังจากที่น้ำเริ่มกัดเซาะ จนทำให้บ้านหมิ่นเหม่ที่จะตกลงหน้าผาไป
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯจุดไฟเผาบ้านหรูริมหน้าผาเหนือทะเลสาบวิทนีย์ ในมลรัฐเทคซัส มูลค่า 7 แสนดอลล่าสหรัฐฯ หรือกว่า 21 ล้านบาททิ้ง หลังจากที่หน้าผาใต้บ้านหลังนี้ ถูกน้ำกัดเซาะจนทำให้บ้านจวนเจียนที่จะตกหน้าผา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง หลังจากที่เจ้าหน้าที่สาดน้ำมัน และเริ่มจุดไฟเผาบ้านหรูหลังดังกล่าว 

โดยพื้นดินด้านล่างบ้านหลังนี้ เริ่มพังทลายลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และไม่กี่วันก่อนพื้นที่ส่วนใหญ่ด้านล่าง เพิ่งถูกน้ำกัดเซาะออกไป ทำให้บ้านคล้ายกับห้อยโหนอยู่ขอบหน้าผาที่สูงจากระดับน้ำ 75 ฟุต หรือราว 22.5 เมตร อย่างน่าหวาดเสียว ด้านเจ้าหน้าที่ได้ประณามเจ้าของบ้าน โรเบิร์ต และ เดนิส เวบบ์ ที่สร้างสถาปัตยกรรมในพื้นที่เสี่ยงอันตราย และสั่งให้จัดการเผาทำลายลงเสีย โดยระบุว่า การทำลายบ้าน เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะปล่อยให้บ้านค่อย ๆ ตกลงในทะเลสาป และยังต้องใช้เม็ดเงินจำนวนหนึ่งในการเก็บกวาดซากปรักหักพังที่จะจมลงไปในทะเลสาปด้วย

ครอบครัวเวบบ์ ซื้อบ้านหลังนี้เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนได้รับคำสั่งให้ย้ายข้าวของออกไป ซึ่งพวกเขาเปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ต้องสูญเสียบ้านพักริมทะเลสาปไป 

ดูคลิปเพิ่มเติม



ข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/และ http://www.nationtv.tv/ คลิปจาก https://www.youtube.com

ช็อก!ทารกตายแล้วฟื้นก่อนถูกเผา

ทารกจีน เกือบถูกเผาทั้งเป็น สัปเหร่อได้ยินเสียงร้อง รีบส่งกลับโรงพยาบาล


                         21 พ.ย. 56  สื่อในจีนหลายสำนัก รายงานว่า ทารกจีนเพศชายวัยไม่ถึงหนึ่งเดือน ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้วเมื่อวันพุธ และส่งไปให้สัปเหร่อเพื่อเตรียมทำพิธีฌาปนกิจ ถูกส่งกลับโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังจากส่งเสียงร้อง ทำให้ทราบว่าทารกยังมีชีวิตอยู่
                         รายงานระบุว่า ทารกป่วยหนักเนื่องจากมีปัญหาระบบทางเดินหายใจบกพร่องตั้งแต่กำเนิด พ่อแม่ของเด็กยินยอมยุติการรักษาเพื่อยื้อชีวิตลูกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่โรงพยาบาลเด็กมณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน แพทย์ได้ออกใบมรณบัตรแก่ทารกแล้วก่อนส่งทารกที่เข้าใจว่าเป็นศพไปให้แก่โรงประกอบฌาปนกิจศพในเมืองเหอเฝ่ย เมืองหลวงของมณฑลอันฮุย ต่อมา กลับพบว่าทารกยังมีชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งกลับโรงพยาบาล 
                         เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกล่าวว่า เนื่องจากทารกยังมีสัญญาณชีพ จึงให้น้ำเกลือเพื่อยื้อชีวิตไว้ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม
                         ไม่แน่ชัดว่าทารกอยู่ในโรงประกอบฌาปนกิจนานแค่ไหน และมีกำหนดเผาเมื่อใด ส่วนสาเหตุใดที่ทำให้ยืนยันผิดพลาดว่าทารกเสียชีวิตกำลังอยู่ระหว่างสอบสวน แต่มีรายงานว่า แพทย์คนหนึ่งและพยาบาลอีกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันพุธ ถูกสั่งพักงาน และให้ออกหนึ่งคน
                         ขณะชาวจีนในสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่โทษว่าเป็นความผิดของทั้งพ่อแม่เด็กและแพทย์

ภาพและข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/

อึ้ง แม่สุนัขให้กำเนิด"ลูกหมาขนสีเขียว"



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หญิงสเปนรายหนึ่งต้องตะลึง หลังจากสุนัขเพศเมีย
ที่เธอเลี้ยงได้ออกลูกมาและในจำนวนนั้นมีลูกสุนัขสองตัวเป็นลูกสุนัขมีสีเขียว
โดยตัวหนึ่งเสียชีวิตเพียงไม่นาน
หลังลืมตาดูโลก ส่วนอีกตัวยังคงมีชีวิตอยู่ 


ขณะที่เธอได้ตั้งชื่อว่าลูกสุนัขประหลาดนี้ว่า"ฮัลค์"หรือมนุษย์ยักษ์ตัวเขียว
ตามสีของลูกสุนัข และว่า ลูกสุนัขสีเขียวรอดชีวิตขณะนี้เริ่มมีสีเขียวจางลงเรื่อยๆ 
พร้อมทั้งกล่าวติดตลกว่า หวังว่ามันคงจะโกรธโมโหใส่เธอ


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ที่อังกฤษ ก็เคยมีสุนัขให้กำเนิดลูกมีลักษณะตัวเขียวมาแล้ว
เมื่อปี 2012 ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การที่สุนัขออกมาในลักษณะมีสีประหลาด
อาจเป็นเพราะขณะเกิดได้รับสารบางประเภทที่พบในภาวะรกเกาะต่ำ

ข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/ และภาพจากอินเทอเน็ต

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ภาพแห่งการแย่งซีน

มีไหมที่เกิดการแย่งซีน ในขณะที่เรากำลังถ่ายรูปอยู่ แล้วปรากฎว่าอยู่ๆก็มีบางสิ่งบางอย่าง
ที่เราไม่ต้องการให้เด่นกว่าเราเกิดขึ้นในเฟรมรูปของเรา ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า photobombs  
เรามาดูรูปพวกนี้ดีกว่า

ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

ภาพที่ 5

ภาพที่ 6

ภาพที่ 7

ภาพที่ 8

ภาพที่ 9

ภาพที่ 10

ภาพที่ 11

ภาพที่ 12

ภาพที่ 13

ภาพที่ 14

ภาพที่ 15

ภาพที่ 16

ภาพที่ 17

ภาพที่ 18

ภาพที่ 19

ภาพที่ 20

ภาพที่ 21

ภาพที่ 22

ภาพที่ 23

ภาพที่ 24

ภาพที่ 25


ภาพที่ 26

ภาพที่ 27

ภาพที่ 28

ภาพที่ 29

ภาพที่ 30
ภาพที่ 31

ภาพที่ 32

ภาพที่ 33

ภาพที่ 34

ภาพที่ 35

ภาพที่ 36

ภาพที่ 37

ภาพที่ 38

ภาพที่ 39


ภาพที่ 40


ภาพจาก อินเทอร์เน็ต