ส่งผลให้สภาพอากาศเริ่มหนาวเย็น ในช่วงเช้า และมีหมอกลง เป็นโอกาสดี
ของชาวบ้าน อ.นาหว้า ที่ต่างพากันเร่งเก็บไส้เดือน ที่มีการอพยพย้ายถิ่นหา
ที่อยู่อาศัยในที่ชุ่มชื้น ก่อนเข้าช่วงหน้าแล้ง ส่งผลดีต่อชาวบ้านตาล มีรายได้
จากการเก็บไส้เดือนมาแปรูปขายในช่วงฤดูหนาว
นางนงนุช แสงไผ่แดง อายุ 36 ปี ชาวบ้านทำอาชีพแปรรูปไส้เดือนตากแห้ง
ชาว ต.บ้านเสียว กล่าวว่า ในช่วงต้นฤดูหนาว จะเป็นการเริ่มต้นของชาวบ้าน
ที่ทำอาชีพเก็บไส้เดือนมาแปรรูปส่งขายต่างประเทศ ในช่วงเช้าที่อากาศเริ่ม
หนาวเย็น และมีหมอกลง ตามธรรมชาติไส้เดือนจะมีการย้ายที่อยู่อาศัย ผุดขึ้น
มาเหนือดิน โดยจะเก็บมาชำแหละผ่าท้อง ทำความสะอาด แล้วนำมาตากแห้ง
นำไปส่งขายให้พ่อค้า ที่มารับซื้อส่งออกไปขายยังประเทศจีนและไต้หวัน
เพื่อนำไปปรุงเป็นยาชูกำลัง ตามความเชื่อ ส่วนราคาตัวสดจะมีการรับซื้อกัน
ในราคาประมาณ กิโลกรัมละ 20 บาท ก่อนนำไปแปรรูปตากแห้ง แล้วส่งขาย
ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดีในช่วงนี้
บางคนสามารถเก็บไส้เดือนมาขายได้วันละ 1,000 – 2,000 บาท กลายเป็น
อาชีพที่สืบทอดกันมากว่า 20 ปี ซึ่งจะมีพ่อค้ามารับซื้อไม่อั้น
ด้าน นายวีระ ฤกษ์วาณิชย์กุล นายอำเภอนาหว้า จ.นครพนม กล่าวว่า สำหรับ
บ้านตาล อ.นาหว้า จ.นครพนม ถือเป็นหมู่บ้านแห่งเดียวของ จ.นครพนม ที่มีรายได้
จากการทำอาชีพแปลกตามฤดูกาล สะพัดปีละหลาย 10 ล้านบาท เช่นเดียวกับ
อาชีพค้าไส้เดือนส่งออก ถือเป็นหนึ่งในอาชีพแปลก ที่ชาวบ้านตาล ทำสืบทอด
กันมาหลาย 10 ปี ซึ่งเมื่อเข้าสู่หน้าหนาวชาวบ้านจะไปเก็บไส้เดือนมาขาย แปรรูป
ตากแห้ง ส่งออกต่างประเทศ สร้างรายได้ให้ชาวบ้านเป็นอย่างดี ตกครอบครัวละ
20,000 – 30,000 บาท ถือเป็นอาชีพแปลกที่สร้างรายได้ มหาศาล มีเงินหมุนเวียน
เดือนละนับล้านบาท ในหมู่บ้าน ในอนาคตจะได้หารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องที่จะ
พัฒนายกระดับอาชีพแปลกแปรรูป ไส้เดือนให้สามารถทำได้ตลอดปี ที่จะเป็นสร้าง
รายได้มากขึ้น โดยจะต้องไม่กระทบต่อระบบนิเวศน์ของธรรมชาติ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็น
อาชีพที่ทำเงินให้ชาวบ้านไม่แพ้อาชีพอื่น เนื่องจากมีตลาดรองรับไม่อั้น รวมถึงมี
ราคาดี ส่วนเรื่องการสูญพันธุ์นั้นเชื่อว่าไม่เป็นปัญหา เพราะไส้เดือนมีการขยายพันธุ์เร็ว
ที่สำคัญในอนาคตจะได้หารือกับชาวบ้าน ที่จะพัฒนาส่งเสริมขยายให้เป็นอาชีพที่
สร้างรายได้ นอกเหนือจากการทำการเกษตร พร้อมจัดระบบให้มีการป้องกันปัญหา
เรื่องมลภาวะ หรือส่งกลิ่นรบกวนชาวบ้าน รวมถึงเกิดปัญหาต่อระบบนิเวศน์ในชุมชน
หากมีการทำอาชีพนี้มากขึ้น ในระยะยาว และเชื่อว่าหากพัฒนาส่งเสริมการทำอาชีพ
แปลกตามฤดูกาล สามารถทำได้ตลอดปี และเพิ่มผลผลิตมากขึ้น จะทำให้อำเภอนาหว้า
มีเศรษฐกิจหมุนเวียนสะพัดมหาศาลทีเดียว
ข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น