เชื่อเถอะว่า...ตำนานมหาวิทยาลัยกับเรื่องผีๆ เป็นของคู่กันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด แทบทุกมหาวิทยาลัยในโลกย่อมมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูตผีและวิญญาณแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่หอพัก ห้องสมุด ห้องน้ำ หรือตึกเรียน ไม่ใช่เพียงมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเท่านั้นที่มีเรื่องเล่าสุดสยองเหล่านี้ แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นประเทศที่มีมหาวิทยาลัยผีสิงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เราลองไปเปลี่ยนบรรยากาศฟังเรื่องผีๆ ในต่างประเทศกันบ้างดีกว่า ว่าจะเขย่าขวัญสั่นประสาท สู้เรื่องผีในมหาวิทยาลัยไทยได้ไหม!!! 1. มหาวิทยาลัยโอไฮโอ (Ohio University) จะทำอย่างไรถ้ามหาวิทยาลัยที่คุณกำลังศึกษาอยู่เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวชมากก่อน? ก่อนที่จะมาเป็นมหาวิทยาลัยโอไฮโอ (Ohio University) สถานที่แห่งนี้เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวช เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1874 และปิดตัวลงเมื่อปี ค.ศ. 1993 ชื่อว่า “Athens Lunatic Asylum” ที่มาพร้อมกับตำนานสุดสยองที่เป็นที่กล่าวขวัญกันเรื่อยมา กับวิธีการรักษาคนไข้อันน่าสยดสยองของโรงพยาบาลแห่งนี้ ลองนึกภาพดูสิว่า ณ สถานที่แห่งนี้มีคนไข้ที่ป่วยตาย และคนป่วยจิตเวชที่ต้องกลายมาเป็นมนุษย์ทดลองด้วยวิธีการรักษาแบบแปลกๆ จะทรมานสักแค่ไหน? | ||||
ตำนานความเฮี้ยนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้เริ่มต้นมาจากเรื่องราวของคนไข้จิตเวชประจำโรงพยาบาลรายหนึ่งที่ชื่อว่า “มากาเร็ต ชิลลิ่ง” วัย 54 ปี ซึ่งหายตัวไปเมื่อวันที่ 1ธันวาคม ค.ศ. 1978 ตอนที่โรงพยาบาลแห่งนี้ยังเปิดทำการอยู่ เธอเป็นคนไข้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินไปไหนมาไหนได้ภายในโรงพยาบาล เพราะเธอสามารถกลับมาที่ห้องเองได้ในตอนเย็น แต่แล้ววันหนึ่งมากาเร็ต ก็ได้หายตัวไป ค้นหาจนทั่วก็หาไม่พบ เป็นเวลานานถึง 6 สัปดาห์ คนงานจึงมาพบร่างของเธอที่ชั้นบนของวอร์ด N20 ซึ่งเคยใช้เป็นวอร์ดรักษาคนไข้ที่ป่วยและติดเชื้อ แต่ปิดไม่ได้ใช้งานมาหลายปีแล้ว พบเธอในสภาพที่นอนเปลือยกายเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่กล่าวถึงสาเหตุที่เธอเสียชีวิตว่า หัวใจล้มเหลว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นส่วนที่ไม่ใช้แล้วของโรงพยาบาลที่ไม่มีระบบทำความอบอุ่น อากาศหนาวมากประกอบกับเธอเป็นคนไข้จิตเวชและหูหนวกด้วยจึงไม่ร้องเรียกให้ใครช่วย และนึกว่าตัวเองกำลังเล่นเกมส์ซ่อนหาอยู่ก็เป็นได้ | ||||
หอพักนักศึกษาที่ตึกเก่า Wilson Hall ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นกับความเฮี้ยนของมหาวิทยาลัยโอไฮโอแห่งนี้ เพราะยังมีเรื่องเล่าหลอนๆ เกี่ยวกับหอพักนักศึกษาที่ชื่อว่า “Wilson Hall” โดยเรื่องสุดสยองนี้เกิดขึ้นที่ห้อง 428 มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายจากการทำพิธีกรรมถอดจิตที่เป็นศาสตร์มืดแบบแม่มด และได้ใช้เลือดเขียนเป็นปริศนาทิ้งไว้บนกำแพงผนังห้อง หลังจากนั้นไม่นานความเฮี้ยนของห้อง 428 นี้ได้เริ่มขึ้น มีคนได้พบเจอถึงเรื่องแปลกเกี่ยวกับวิญญาณของหญิงสาวที่คอยมาหลอกหลอน จนมีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันห้องนี้ปิดตายถาวร และรอยเลือดปริศนาบนกำแพงนั้นถูกลอกออกไป แต่ก็ยังมีเหล่าบรรดานักศึกษาพยายามไปลองของกันที่ห้องนี้อยู่เสมอๆ และที่สำคัญ Wilson Hall แห่งนี้ยังได้รับการกล่าวถึงของรายการโทรทัศน์ต่างๆ ที่ไปถ่ายทำที่ตึกแห่งนี้ว่าเป็น “สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก” อีกด้วย 2. มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอิลลินอยส์ (Eastern Illinois University) มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัฐอิลลินอยส์ ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของวิญญาณอาฆาตต่างๆ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ด้วยประวัติความเป็นมาอันยาวนานของมหาวิทยาลัย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีเรื่องราวลึกลับต่างๆ ซ่อนอยู่ในทุกตารางนิ้วของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอิลลินนอยส์แห่งนี้ ฆาตกรรมในหอพักหญิงเพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ (Pemberton Hall) | ||||
เริ่มต้นตำนานอันลือเลื่องมาจากนักศึกษาสาวนามว่า “แมรี่ ฮอว์กินส์” (Mary Hawkins) ที่พักอาศัยอยู่ในหอหญิงแห่งนี้ ที่กลางดึกคืนหนึ่งเธอได้ขึ้นไปยังชั้น 4 เพื่อเล่นเปียโน เนื่องจากอาการนอนไม่หลับ และทันทีที่เสียงเปียโนของเธอนั้นดังแว่วไปถึงภารโรงหื่นกระหายผู้หนึ่ง ความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในหัวของเขา สบโอกาสที่เฝ้ารอมานานแสนนาน จึงรีบรุดออกเดินไปยังต้นทางของเสียงดนตรีนั้น จนมาพบกับแมรี่ที่กำลังเล่นเปียโนอยู่อย่างไม่ทันระวังตัว ภารโรงใจชั่วจึงได้ล็อกคอเธอไว้จากทางด้านหลัง และทุบตีเธออย่างหนัก แมรี่ผู้น่าสงสารถูกข่มขืนอย่างไร้ความปราณี ก่อนที่คนร้ายจะหนีไปก็ได้ใช้ไม้ตีไปที่ร่างของเธออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตายสนิทแล้ว แต่แมรี่ยังไม่สิ้นใจจึงพยายามพาร่างอันบอบช้ำของเธอตะเกียกตะกาย พร้อมร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครได้ยิน จากชั้น 4 มาจนถึงชั้นล่างสุดซึ่งเป็นห้องของผู้ดูแลตึก เธอทั้งใช้เล็บตะกุยตะกายและส่งเสียงกรีดร้องเพื่อให้คนข้างในห้องได้ยิน และก่อนที่ผู้ดูแลจะเปิดประตูออกมา แม่รี่ผู้เคราะห์ร้ายก็ได้สิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว ทิ้งไว้แต่เพียงรอยเลือดที่ยาวเป็นทาง ที่เธอคลานลงมาไว้ให้ดูอย่างน่าเวทนาที่สุด | ||||
ปัจจุบันนี้อาคารเพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ยังเปิดใช้งานอยู่ พร้อมกับเปียโนตัวนั้นก็ยังคงอยู่ที่เดิม แต่บริเวณชั้น 4 ของอาคารถูกปิดตายและห้ามนักศึกษาขึ้นไปดูผี หรือไปดูเปียโน นั้นอีกต่อไป แต่เรื่องเล่าและวิญญาณของแมรี่ก็ยังคงถูกถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นตำนานความสยดสยองของมหาวิทยาลัยต่อไป 3. มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต (Penn State University State College, PA) มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต หรือที่เรียกกันว่า เพนสเตต ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรหนุ่มสาว และคนงานที่อาศัยอยู่ในภาคกลางของรัฐเพนซิลเวเนีย และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกาไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่เพียงความก้าวหน้าและทันสมัยของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เรื่องผีหลอนๆ ก็ได้กลายเป็นเหมือนรากเหง้าของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตตนี้เช่นกัน เพราะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณมากมายที่จะทำให้คุณต้องตะลึง... “Ole Coaly” เฝ้ามหาวิทยาลัย | ||||
ใครฆ่า Betsy Aardsma? อีกหนึ่งคดีฆาตกรรมที่เป็นที่กล่าวขวัญกันมากที่สุดของมหาวิทยาลัยเพนสเตต คือเรื่องราวของนักศึกษาสาววัย 22 ปี ชาวอเมริกันที่ถูกคนร้ายฆ่าตายอย่างปริศนา ที่ชั้นหนังสือภายในห้องสมุด “Pattee Library" และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ ซึ่งเรื่องราวการฆาตกรรมโหดครั้งนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1969 เดิมทีนั้นBetsy Aardsma ได้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน และได้เกิดข่าวการฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น โดยจะฆ่าเฉพาะหญิงสาวเท่านั้น แม่ของเบทซี่กลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายจึงได้ย้ายเธอมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนสเตตแทน และเพียงสองเดือนเท่านั้นที่เบทซี่ย้ายไป เรื่องราวสะเทือนขวัญก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อวันหนึ่งเธอไปห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเพื่อค้นคว้าข้อมูลในการทำรายงานตามปกติ แต่แล้วก็มีคนร้ายถือมีดเข้ามาแทงเธอที่หน้าอก จนเธอล้มลง กองหนังสือก็ได้หล่นมาทับร่างของเธอ พร้อมกันนั้นคนร้ายก็รีบดึงมีดที่ปักอยู่กลางหัวใจเธอออกมาแล้วก็หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย | ||||
โดยในปี ค.ศ. 1995 มีเรื่องเล่าของพนักงานห้องสมุดคนหนึ่ง เธอเล่าว่าตอนที่เธอกำลังทำงานอยู่ในบริเวณที่เบทซี่เสียชีวิตนั้น เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาสัมผัสที่ไหล่ของเธอแต่พอหันไปดูก็ไม่มีใคร พอกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนตามมา ในตอนกลางคืนขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนมีเหมือนมีคนมาบีบคอ กรีดร้องสุดแรงแต่ไม่มีเสียงดิ้นทุรนทุรายอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดก็หลุดมาได้ (คล้ายกับอาการผีอำในบ้านเรา) หลังจากนั้นเธอก็ไม่กลับไปทำงานที่ห้องสมุดแห่งนั้นอีกเลย 4. มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม (Fordham University) มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ตั้งแต่ปี ค.ศ 1841 ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาที่ยาวนานพอที่จะมีเหล่าบรรดาวิญญาณที่ยังคงวนเวียนและสิงสถิตอยู่ ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ด้วยความเป็นมาที่ยาวนานรวมถึงการก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะเหมือนปราสาทที่รายล้อมไปด้วยตึกเก่ามากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าบรรดาหนังสยองขวัญของฮอลลิวู้ดหลายเรื่องมักจะมาใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ถ่ายทำ บ้านผีสิง Keating Hall | ||||
หรือผีผู้หญิงผมบลอนซ์ที่มักจะปรากฎกายในห้องน้ำ หลายคนที่พบเห็นจะบอกลักษณะที่ตรงกันว่า เธอจะนิ่งเฉยไม่มีปฏิกริยากับใคร เคลื่อนไหวโดยไม่มีเท้า ในลักษณะลอยไปข้างหน้าในที่สุดเธอก็หายไปในอากาศ สร้างความหลอนให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก หรือผีผู้ชาย ที่คนส่วนใหญ่มักจะพบเจอในห้องโถงเดินไปเดินมา แต่พอมีคนจะเข้าไปดูว่าใครเดินอยู่ในห้องนั้นผีก็จะหายตัวไปทันที ห้องเก็บศพชั้นใต้ดิน | ||||
5. วิทยาลัยแบรดฟอร์ด เฮเวนฮิล (Bradford College Haverhill, MA) แต่เดิมวิทยาลัยแบรดฟอร์ดเคยเป็นสถาบันการศึกษาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ อบรมพวกมิชชันนารีที่เรียกว่าBradford Academy (1803) และได้เริ่มพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาเป็น Bradford College Haverhill ในปี ค.ศ. 1971 เป็นวิทยาลัยศิลปศาสตร์ที่เปิดให้ศึกษาได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ด้วยความเป็นสถาบันอันเก่าแก่และใกล้ชิดกับศาสนามาก แต่แบรดฟอร์ดกลับมีตำนานเรื่องเล่าสะเทือนขวัญที่หลายคนคงคาดไม่ถึง... เด็กสาวคนหนึ่งที่ได้แอบไปมีความสัมพันธ์ลับๆ กับบาทหลวงที่โรงเรียนแห่งนี้ และเมื่อเธอตั้งครรภ์ก็เกิดมีปากเสียงกัน บาทหลวงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ เด็กสาวไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมกับทารกในครรภ์ บางกระแสบอกว่าเด็กสาวไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่โดนบาทหลวงฆ่าตายเพราะกลัวความผิด เชื่อว่าดวงวิญญาณทั้งสองดวงเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้าย และบาทหลวงผู้หลงผิดยังคงสิงสถิตอยู่ที่นี่ ความเฮี้ยนของเหล่าดวงวิญญาณเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เพราะมีรายการโทรทัศน์ที่สามารถบันทึกเสียงกรีดร้อง และภาพที่บันทึกได้ภายในวิทยาลัย แต่ความหลอนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน เพราะได้มีเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกันอย่างบอกไม่ถูก... | ||||
เมื่อเวลาเปลี่ยนไปเสียงร่ำลือเกี่ยวกับวิญญาณของหญิงสาวเริ่มปรากฎตัวชัดเจนขึ้น จากช่วงแรกเป็นเพียงเงาดำๆ และพัฒนาขึ้นมาเป็นหญิงสาวในชุดแฟลบเปอร์ (แฟชั่นฮิตในช่วงสงครามโลก) ลอยไปมาที่บันไดในมือถือตุ๊กตาร้องเพลงไปอย่างเศร้าสร้อย นักศึกษาหลายคนที่ได้พบกับภาพสุดหลอนนี้ต่างก็พากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง วันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องผีของหญิงสาวก็แพร่สะพัดไปทั่ววิทยาลัย และไม่แปลกใจที่ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ปิดตัวลง เพราะไม่มีนักศึกษาคนใดกล้าเข้ามาเรียนต่อที่วิทยาลัยแห่งนี้!!! 6. มหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม (University of Notre Dame) | ||||
| ||||
7. วิทยาลัยสวีทเบีย (Sweet Briar College) | ||||
รถที่ถูกขโมย ผ้าเช็ดตัวที่หายไป ลมหายใจของผีสาว นักศึกษารายหนึ่งเล่าว่า เพื่อนสาวของเขาต้องการที่จะไปลองของด้วยความคึกคะนองของวัยรุ่น ไปล้อเลียนที่รูปปั้นของเดซี่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณวิทยาลัยอย่างสนุกสนานเฮฮา กลายเป็นเรื่องตลกกันไป แต่แล้วสักครู่หนึ่งรถของเธอที่จอดอยู่ในเนินจอดรถ อยู่ๆ เบรคก็ไม่ทำงานทำให้รถพุ่งลงมาจากเนิน เด็กทั้งสี่คนยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก พยายามช่วยกันวิ่งตามรถเพื่อที่จะหยุดมัน เปิดประตูและกระโดดขึ้นไปบนรถในขณะที่รถก็ยังคงเคลื่อนที่เองอย่างไม่รู้สาเหตุ โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร แต่วันรุ่งขึ้นเรื่องเล่าถึงความเฮี้ยนของผีสาวเดซี่ก็ได้แพร่กระจายไปทั่ววิทยาลัย | ||||
ระดับดีกรีความน่ากลัวของเดซี่เริ่มเพิ่มขึ้น เมื่อมีนักศึกษาคนหนึ่งเล่าว่าในคืนหนึ่งในขณะที่เธอและรูมเมทกำลังนอนหลับอยู่นั้น เธอต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังมาก เธอจึงมองไปที่เพื่อนร่วมห้องเพราะคิดว่าเป็นเสียงลมหายใจของเพื่อนอย่างแน่นอน แต่ผิดคาดเพราะเพื่อนของเธอยังคงนั่งอยู่ที่เตียงไม่ได้หลับหรือกรนเสียงดังแต่อย่างใด และเมื่อเธอทั้งคู่นอนเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง นักศึกษาสาวยังคงไม่หลับและได้ยินมันอย่างชัดเจน ได้ยินเหมือนเสียงลมหายใจของมนุษย์ที่แรงมาก แต่ทิศทางของเสียงมาจากด้านบนเพดานหายใจลงมาที่พวกเธอ สักครู่นักศึกษาสาวก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมห้องตะโกนถามขึ้นมาว่า “นั่นเสียงเธอใช่มั๊ย?” นักศึกษาสาวตอบเพื่อนไปว่า“ไม่ใช่” แล้วเสียงหายใจนั้นก็หายไป ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันจนถึงเช้า... 8. มหาวิทยาลัยจอร์เจีย (University of Georgia) มหาวิทยาลัยจอร์เจียเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของเหล่าวิญญาณมากมายที่ยังคงวนเวียนอยู่ เรื่องราวลึกลับต่างๆ ถูกซ่อนไว้ภายใต้ตึกเก่าแก่โบราณรอบๆ มหาวิทยาลัย นำมาซึ่งความหลอนที่ใครๆ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้หากเหล่าวิญญาณเหล่านั้นเกิดถูกชะตาและต้องการให้คุณเห็น ผีเจ้าสาวรอรัก | ||||
ลูกสาวที่ยังไม่อยากจากไป | ||||
9. วิทยาลัยแคนยอน (Kenyon College) วิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารชื่อดังอย่าง Forbesในปี 2010 ที่ผ่านมา ที่ไม่เพียงสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมในยุคโกธิคเท่านั้น แต่วิทยาลัยแห่งนี้ยังแฝงไปด้วยความลี้ลับอีกมากมายที่เชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยรู้มาก่อนเป็นแน่ ตึกแคนยอนเก่า วิทยาลัยแห่งนี้รู้จักกันดีในด้านของวิทยาลัยชื่อดังด้านศิลปศาสตร์ และอีกด้านที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันดีไม่แพ้กันนั่นก็คือเรื่องของคนตาย...และหนึ่งเรื่องหลอนที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของวิทยาลัยแห่งนี้เกิดขึ้นที่หอพักแคนยอนเก่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1827 และมาถูกไฟไหม้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สร้างความสูญเสียไว้อย่างมากมาย โดยมีนักศึกษาชายเสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้หอพักเมื่อปี ค.ศ.1949 จำนวน 9 คน และแน่นอนว่าวิญญาณของพวกเขายังไม่ไปไหน มีนักศึกษาหลายคนพูดว่าพวกเขามักจะเจอดวงวิญญาณห้องโถงชั้น 1 นักศึกษามักจะพูดกันว่าเขาเห็นผีโผล่มาจากเพดาน ไฟเปิดและปิดเองอยู่บ่อยๆ และฉากในห้องน้ำอันสุดสยองเมื่อนักศึกษาหญิงที่กำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำ อยู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเขย่าและมีเสียงของผู้ชายดังขึ้นว่า “หนีเร็วๆ ไฟไหม้” หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของนักศึกษาก็ดังขึ้น...โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ | ||||
และที่อาคารสระว่ายน้ำเก่า อดีตนักกระโดดน้ำได้เกิดอุบัติเหตุกระจกในอาคารแตกและหล่นลงมา บาดคอของเขาและตกลงไปน้ำสระว่ายน้ำเสียชีวิตทันที แน่นอนว่าวิญญาณของเขายังคงเฝ้าอยู่ที่สระว่ายน้ำแห่งนี้ เพราะมีนักศึกษาหลายคนได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากสระว่ายน้ำ แต่พอวิ่งมาดูก็กลับไม่พบอะไรเลยมีเพียงสระว่ายน้ำที่สงบนิ่ง ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ...หรือที่สตูดิโอเต้นรำ พวกเขามักได้ยินเสียงเพลงดังออกมาโดยไม่มีใครอยู่ที่นั่น และได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำของสตูดิโอ พบรอยเท้าเปียกน้ำเดินย่ำไปมา แต่พบว่าไม่มีใครอยู่ วันดีคืนดีนักศึกษาบางคนก็จะได้พบกับเจ้าของรอยเท้าปริศนานั่นก็คือ เขาจะเห็นใบหน้าสีขาวซีด กำลังหวีผมอยู่ และหันหน้าออกมาจากหน้าต่างของอาคารนี้นั่นเอง 10. วิทยาลัยเซนต์ชาร์ลส์ (St. Charles Community College) วิทยาลัยเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในรัฐมิสซูรี สหรัอเมริกา แม้จะไม่มีใครทราบประวัติและที่มาของตึกเก่าต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาเป็นวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ทั้งเหล่าบรรดานักศึกษาและอาจารย์ในวิทยาลัยกลับรู้จักกันดีเกี่ยวกับวิญญาณของเด็กผู้ชายที่คอยหลอกหลอนและแกล้งผู้คนที่อยู่ในตัวตึก หรืออาคารต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะเด็กนักเรียนนักศึกษา ทั้งแม่บ้าน และรปภ. ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความเฮี้ยนของผีที่อยู่ที่วิทยาลัยเซนต์ชาร์ลส์แห่งนี้ | ||||
เหตุการณ์อันชวนขนลุกที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในวิทยาลัยนี้พบเจอกันบ่อยครั้งนั่นก็คือ มักจะปรากฏรอยเท้าที่เปื้อนโคลนเดินย่ำไปมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของใคร บางครั้งมีคนเห็นเป็นร่างของเด็กผู้ชายวิ่งกระโดด กระแทกเท้าแรงๆ หรือบางครั้งก็เกิดเสียงกระแทกประตูแรงโดยที่ไม่มีลมพัดหรือใครอยู่บริเวณนั้นเลย เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นห้องสมุดของวิทยาลัยจากการบอกเล่าของแม่บ้านทำความสะอาด ที่มาทำงานในช่วงปิดเทอมและแน่นอนว่าไม่มีใครอยู่ที่ตึกนี้เลยแม้แต่คนเดียว หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ พวกแม่บ้านก็ได้ยินเสียงประหลาดที่โต๊ะบริการจึงวิ่งไปดู ก็ไม่พบอะไร แต่พอเดินกลับมากลับพบรอยเท้าเปื้อนโคลนที่เดินย่ำไปบนพรมที่กลางห้องโถงเต็มไปหมด ด้วยความตกใจจึงวิ่งไปตามคนอื่นๆ มาดู แต่พอมาถึงก็พบว่ารอยเท้าเปื้อนโคลนเหล่านั้นได้หายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย มันหายไปได้อย่างไร? ด้วยวิธีไหน? และใครเป็นคนทำ? | ||||
และเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็น่าจะเกิดมาจาก “ผีเด็กผู้ชาย” ที่หลายคนพูดตรงกันว่าพวกเขาเห็นวิญญาณของเด็กผู้ชายที่แต่งตัวคล้ายกับคนในศตวรรษที่ 19 อายุราวๆ 9 ขวบ ที่ปรากฏตัวในยามค่ำคืน และคอยหลอกหลอนผู้คนเมื่อเวลาเขาอยู่คนเดียว แต่เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของผีเด็กน้อยตนนี้ทั้งหมด บางทีอาจมีผีตัวอื่นที่ยังวนเวียนอยู่ในวิทยาลัยแห่งนี้ร่วมผสมโรงกับเด็กน้อยช่วยกันหลอกไปด้วยก็ได้ | ||||
ภาพและข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/ |
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ป้ายกำกับ:
มหา'ลัยสุดเฮี้ยน,
campus,
ghost,
ghost in university in USA,
USA
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น