วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา

เชื่อเถอะว่า...ตำนานมหาวิทยาลัยกับเรื่องผีๆ เป็นของคู่กันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด แทบทุกมหาวิทยาลัยในโลกย่อมมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูตผีและวิญญาณแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่หอพัก ห้องสมุด ห้องน้ำ หรือตึกเรียน ไม่ใช่เพียงมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเท่านั้นที่มีเรื่องเล่าสุดสยองเหล่านี้ แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นประเทศที่มีมหาวิทยาลัยผีสิงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เราลองไปเปลี่ยนบรรยากาศฟังเรื่องผีๆ ในต่างประเทศกันบ้างดีกว่า ว่าจะเขย่าขวัญสั่นประสาท สู้เรื่องผีในมหาวิทยาลัยไทยได้ไหม!!!
     
       1. มหาวิทยาลัยโอไฮโอ (Ohio University)
     
        จะทำอย่างไรถ้ามหาวิทยาลัยที่คุณกำลังศึกษาอยู่เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวชมากก่อน? ก่อนที่จะมาเป็นมหาวิทยาลัยโอไฮโอ (Ohio University) สถานที่แห่งนี้เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวช เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1874 และปิดตัวลงเมื่อปี ค.ศ. 1993 ชื่อว่า “Athens Lunatic Asylum” ที่มาพร้อมกับตำนานสุดสยองที่เป็นที่กล่าวขวัญกันเรื่อยมา กับวิธีการรักษาคนไข้อันน่าสยดสยองของโรงพยาบาลแห่งนี้ ลองนึกภาพดูสิว่า ณ สถานที่แห่งนี้มีคนไข้ที่ป่วยตาย และคนป่วยจิตเวชที่ต้องกลายมาเป็นมนุษย์ทดลองด้วยวิธีการรักษาแบบแปลกๆ จะทรมานสักแค่ไหน?
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
Athens Lunatic Asylum
       โรงพยาบาลจิตเวชที่มาของความเฮี้ยน
     
        ตำนานความเฮี้ยนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้เริ่มต้นมาจากเรื่องราวของคนไข้จิตเวชประจำโรงพยาบาลรายหนึ่งที่ชื่อว่า “มากาเร็ต ชิลลิ่ง” วัย 54 ปี ซึ่งหายตัวไปเมื่อวันที่ 1ธันวาคม ค.ศ. 1978 ตอนที่โรงพยาบาลแห่งนี้ยังเปิดทำการอยู่ เธอเป็นคนไข้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินไปไหนมาไหนได้ภายในโรงพยาบาล เพราะเธอสามารถกลับมาที่ห้องเองได้ในตอนเย็น แต่แล้ววันหนึ่งมากาเร็ต ก็ได้หายตัวไป ค้นหาจนทั่วก็หาไม่พบ เป็นเวลานานถึง 6 สัปดาห์ คนงานจึงมาพบร่างของเธอที่ชั้นบนของวอร์ด N20 ซึ่งเคยใช้เป็นวอร์ดรักษาคนไข้ที่ป่วยและติดเชื้อ แต่ปิดไม่ได้ใช้งานมาหลายปีแล้ว พบเธอในสภาพที่นอนเปลือยกายเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่กล่าวถึงสาเหตุที่เธอเสียชีวิตว่า หัวใจล้มเหลว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นส่วนที่ไม่ใช้แล้วของโรงพยาบาลที่ไม่มีระบบทำความอบอุ่น อากาศหนาวมากประกอบกับเธอเป็นคนไข้จิตเวชและหูหนวกด้วยจึงไม่ร้องเรียกให้ใครช่วย และนึกว่าตัวเองกำลังเล่นเกมส์ซ่อนหาอยู่ก็เป็นได้
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
รอยด่างบนพื้น
       ความสยองที่ยังคงอยู่จากการตายของมากาเร็ตนั่นก็คือ รอยด่างบนพื้น ที่ร่างของเธอได้นอนเสียชีวิตอยู่นั้นยังคงปรากฎอยู่ จนกระทั่งปัจจุบันที่ได้กลายมาเป็นมหาวิทยาลัยโอไฮโอแล้ว และมีตำนานเล่าว่า “ใครที่ได้สัมผัสรอยด่างบนพื้นนั้นจะต้องมีอันเป็นไป” ไม่นานก็มีข่าวว่า มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งต้องการจะลองของ จึงได้ไปลูบรอยด่างบนพื้นต้องห้ามนั้น ไม่นานเธอก็ได้ผูกคอตาย และเป็นที่มาของรอยด่างอาถรรพ์ที่ใครๆ ต่างก็พูดถึงมาจนบัดนี้
     
       หอพักนักศึกษาที่ตึกเก่า Wilson Hall
     
        ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นกับความเฮี้ยนของมหาวิทยาลัยโอไฮโอแห่งนี้ เพราะยังมีเรื่องเล่าหลอนๆ เกี่ยวกับหอพักนักศึกษาที่ชื่อว่า “Wilson Hall” โดยเรื่องสุดสยองนี้เกิดขึ้นที่ห้อง 428 มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายจากการทำพิธีกรรมถอดจิตที่เป็นศาสตร์มืดแบบแม่มด และได้ใช้เลือดเขียนเป็นปริศนาทิ้งไว้บนกำแพงผนังห้อง หลังจากนั้นไม่นานความเฮี้ยนของห้อง 428 นี้ได้เริ่มขึ้น มีคนได้พบเจอถึงเรื่องแปลกเกี่ยวกับวิญญาณของหญิงสาวที่คอยมาหลอกหลอน จนมีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันห้องนี้ปิดตายถาวร และรอยเลือดปริศนาบนกำแพงนั้นถูกลอกออกไป แต่ก็ยังมีเหล่าบรรดานักศึกษาพยายามไปลองของกันที่ห้องนี้อยู่เสมอๆ และที่สำคัญ Wilson Hall แห่งนี้ยังได้รับการกล่าวถึงของรายการโทรทัศน์ต่างๆ ที่ไปถ่ายทำที่ตึกแห่งนี้ว่าเป็น “สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก” อีกด้วย
     
      

       

     
       2. มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอิลลินอยส์ (Eastern Illinois University)
     
        มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัฐอิลลินอยส์ ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของวิญญาณอาฆาตต่างๆ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ด้วยประวัติความเป็นมาอันยาวนานของมหาวิทยาลัย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีเรื่องราวลึกลับต่างๆ ซ่อนอยู่ในทุกตารางนิ้วของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอิลลินนอยส์แห่งนี้
     
       ฆาตกรรมในหอพักหญิงเพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ (Pemberton Hall)
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
       อาคารเพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น อิลลินอยส์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เดิมเป็นหอพักหญิงแห่งแรก ของมลรัฐอิลลินอยส์ และยังเป็นที่มาของตำนานผีสิงในหอพักหญิงที่โด่งดังอีกด้วย กับคดีการฆาตกรรมที่ได้กลายมาเป็นเรื่องสยองขวัญสั่นประสาทที่ยังมีผู้พบเห็นหญิงสาวในตำนานสิงสู่อยู่ในอาคารเพ็มเบอร์ตันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
     
        เริ่มต้นตำนานอันลือเลื่องมาจากนักศึกษาสาวนามว่า “แมรี่ ฮอว์กินส์” (Mary Hawkins) ที่พักอาศัยอยู่ในหอหญิงแห่งนี้ ที่กลางดึกคืนหนึ่งเธอได้ขึ้นไปยังชั้น 4 เพื่อเล่นเปียโน เนื่องจากอาการนอนไม่หลับ และทันทีที่เสียงเปียโนของเธอนั้นดังแว่วไปถึงภารโรงหื่นกระหายผู้หนึ่ง ความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในหัวของเขา สบโอกาสที่เฝ้ารอมานานแสนนาน จึงรีบรุดออกเดินไปยังต้นทางของเสียงดนตรีนั้น จนมาพบกับแมรี่ที่กำลังเล่นเปียโนอยู่อย่างไม่ทันระวังตัว ภารโรงใจชั่วจึงได้ล็อกคอเธอไว้จากทางด้านหลัง และทุบตีเธออย่างหนัก แมรี่ผู้น่าสงสารถูกข่มขืนอย่างไร้ความปราณี ก่อนที่คนร้ายจะหนีไปก็ได้ใช้ไม้ตีไปที่ร่างของเธออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตายสนิทแล้ว แต่แมรี่ยังไม่สิ้นใจจึงพยายามพาร่างอันบอบช้ำของเธอตะเกียกตะกาย พร้อมร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครได้ยิน จากชั้น 4 มาจนถึงชั้นล่างสุดซึ่งเป็นห้องของผู้ดูแลตึก เธอทั้งใช้เล็บตะกุยตะกายและส่งเสียงกรีดร้องเพื่อให้คนข้างในห้องได้ยิน และก่อนที่ผู้ดูแลจะเปิดประตูออกมา แม่รี่ผู้เคราะห์ร้ายก็ได้สิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว ทิ้งไว้แต่เพียงรอยเลือดที่ยาวเป็นทาง ที่เธอคลานลงมาไว้ให้ดูอย่างน่าเวทนาที่สุด
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
       ภายหลังการตายของแมรี่ ภารโรงใจโหดก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้แต่เพียงวิญญาณของแมรี่ที่เฝ้าคอยเรียกร้องขอความเป็นธรรมอยู่ที่เพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ แห่งนี้ มีนักศึกษาหลายคนยืนยันว่าแมรี่ยังอยู่และยังคงปรากฎตัวให้เห็นอยู่เสมอๆ บางคนเห็นหญิงสาวลอยผ่านเข้าไปในกำแพง ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปมารอบๆ อาคาร และที่น่าขนหัวลุกนั่นก็คือ บางคนเล่าว่า เธอได้ยินเสียงดังออกมาจากผนังข้างห้อง แต่พอเอาหูไปแนบเพื่อที่จะฟังว่านั่นคือเสียงอะไร ก็จะได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังอยู่อีกด้านหนึ่ง หรือบางคนจะเห็นคราบรอยเลือดตามทางเดิน และมีรอยเท้ารอบๆ รอยเลือดนั้น สักพักรอยเลือดนี้ก็จะหายไป สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับนักศึกษาสาวที่หอพักแห่งนี้เป็นอย่างมาก
     
        ปัจจุบันนี้อาคารเพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ยังเปิดใช้งานอยู่ พร้อมกับเปียโนตัวนั้นก็ยังคงอยู่ที่เดิม แต่บริเวณชั้น 4 ของอาคารถูกปิดตายและห้ามนักศึกษาขึ้นไปดูผี หรือไปดูเปียโน นั้นอีกต่อไป แต่เรื่องเล่าและวิญญาณของแมรี่ก็ยังคงถูกถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นตำนานความสยดสยองของมหาวิทยาลัยต่อไป
     
       3. มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต (Penn State University State College, PA)
     
       มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต หรือที่เรียกกันว่า เพนสเตต ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรหนุ่มสาว และคนงานที่อาศัยอยู่ในภาคกลางของรัฐเพนซิลเวเนีย และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกาไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่เพียงความก้าวหน้าและทันสมัยของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เรื่องผีหลอนๆ ก็ได้กลายเป็นเหมือนรากเหง้าของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตตนี้เช่นกัน เพราะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณมากมายที่จะทำให้คุณต้องตะลึง...
     
       “Ole Coaly” เฝ้ามหาวิทยาลัย
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
Ole Coaly
       หนึ่งในตำนานเรื่องเล่าผีๆ ที่คอยหลอกหลอนมหาวิทยาลัยแห่งนี้นั่นก็คือวิญญาณหลอนของ “ล่อ” ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “Ole Coaly” ที่อยู่คู่กับมหาวิทยาลัยแห่งนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก โดยเจ้า Ole Coaly ได้ช่วยในการแบกขนสิ่งก่อสร้างต่างๆ และถือเป็นมาสคอร์ดตัวแรกของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตตอีกด้วย และเมื่อ Ole Coaly ได้เสียชีวิตลงกระดูกของมันได้ถูกเก็บและจัดแสดงโชว์ไว้ในพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัย และเรื่องเล่าหลอนๆ ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อเหล่านักศึกษาจะรู้สึกว่าทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้านโครงกระดูกของ Ole Coaly ไปไว้ที่อื่นมักจะมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเสมอ นั่นก็คือ นักศึกษาบางคนจะได้ยินเสียง กุบ-กับ..กุบ-กับ..เหมือนฝีเท้าของม้าบริเวณรอบๆ ห้องโถง หรือหลายคนมักจะได้ยินเสียงร้องของล่อดังออกมาจากในห้องต่างๆ 
     
       ใครฆ่า Betsy Aardsma?
     
       อีกหนึ่งคดีฆาตกรรมที่เป็นที่กล่าวขวัญกันมากที่สุดของมหาวิทยาลัยเพนสเตต คือเรื่องราวของนักศึกษาสาววัย 22 ปี ชาวอเมริกันที่ถูกคนร้ายฆ่าตายอย่างปริศนา ที่ชั้นหนังสือภายในห้องสมุด “Pattee Library" และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ ซึ่งเรื่องราวการฆาตกรรมโหดครั้งนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1969 เดิมทีนั้นBetsy Aardsma ได้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน และได้เกิดข่าวการฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น โดยจะฆ่าเฉพาะหญิงสาวเท่านั้น แม่ของเบทซี่กลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายจึงได้ย้ายเธอมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนสเตตแทน และเพียงสองเดือนเท่านั้นที่เบทซี่ย้ายไป เรื่องราวสะเทือนขวัญก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อวันหนึ่งเธอไปห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเพื่อค้นคว้าข้อมูลในการทำรายงานตามปกติ แต่แล้วก็มีคนร้ายถือมีดเข้ามาแทงเธอที่หน้าอก จนเธอล้มลง กองหนังสือก็ได้หล่นมาทับร่างของเธอ พร้อมกันนั้นคนร้ายก็รีบดึงมีดที่ปักอยู่กลางหัวใจเธอออกมาแล้วก็หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย 
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
Betsy Aardsma
       เพื่อนที่อยู่บริเวณนั้นเมื่อเห็นเบทซี่ล้มลง ก็พากันวิ่งมาดู แต่คิดว่าเธอแค่เป็นลมล้มไป เพราะชุดสีแดงที่เธอสวมใส่ไปวันนั้นทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยเลือดที่บริเวณหน้าอกของเธอ เพื่อนๆ จึงช่วยกันเอากองหนังสือที่ทับร่างของเธอออกหลังจากนั้นเพียง 5 นาที เบทซี่ก็ได้ขาดใจตาย ณ ห้องสมุดแห่งนั้น ทุกคนต่างเชื่อว่าการตายของเบทซี่เป็นฝีมือของฆาตกรต่อเนื่องที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนอย่างแน่นอน หลังจากนั้น 1 ปี ตำรวจก็สามารถจับตัวฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ได้ แต่เขาให้การสารภาพว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องจริง แต่ไม่เคยไปที่มหาวิทยาลัยเพนสเตตเลยแม้แต่ครั้งเดียว??? ทุกวันนี้ยังไม่มีใครหาฆาตกรตัวจริงที่ลงมือทำร้ายเบทซี่ไม่ได้ แต่เรื่องราวความหลอนกลับเริ่มต้นขึ้น ดวงวิญญาณที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมยังคงวนเวียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
     
       โดยในปี ค.ศ. 1995 มีเรื่องเล่าของพนักงานห้องสมุดคนหนึ่ง เธอเล่าว่าตอนที่เธอกำลังทำงานอยู่ในบริเวณที่เบทซี่เสียชีวิตนั้น เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาสัมผัสที่ไหล่ของเธอแต่พอหันไปดูก็ไม่มีใคร พอกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนตามมา ในตอนกลางคืนขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนมีเหมือนมีคนมาบีบคอ กรีดร้องสุดแรงแต่ไม่มีเสียงดิ้นทุรนทุรายอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดก็หลุดมาได้ (คล้ายกับอาการผีอำในบ้านเรา) หลังจากนั้นเธอก็ไม่กลับไปทำงานที่ห้องสมุดแห่งนั้นอีกเลย
     
       4. มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม (Fordham University)
     
       มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ตั้งแต่ปี ค.ศ 1841 ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาที่ยาวนานพอที่จะมีเหล่าบรรดาวิญญาณที่ยังคงวนเวียนและสิงสถิตอยู่ ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ด้วยความเป็นมาที่ยาวนานรวมถึงการก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะเหมือนปราสาทที่รายล้อมไปด้วยตึกเก่ามากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าบรรดาหนังสยองขวัญของฮอลลิวู้ดหลายเรื่องมักจะมาใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ถ่ายทำ
     
       บ้านผีสิง Keating Hall
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       ตำนานความหลอนของ Keating Hall แห่งนี้เป็นที่เลื่องลือ มักจะมีคนพูดว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านและที่อยู่อาศัยของเหล่าบรรดาผีต่างๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเวลาที่เข้าไปที่ตึกนี้จะรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกจ้องมองจากที่ไหนสักแห่งตลอดเวลา และจะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง บางคนก็มักจะได้ยินเสียงแปลกๆ แต่ก็หาต้นตอของเสียงนั้นไม่เจอ นักศึกษาบางคนเล่าว่าที่ชั้น 3 ของ Keating Hall เขารู้สึกเหมือนมีมือที่เย็นยะเยือกมาจับที่ไหล่ของเขา แต่เมื่อหันไปก็ไม่เจอใคร หรือขณะที่นักศึกษากำลังนั่งเรียนกันอยู่ที่ตึกนี้ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากอีกห้องหนึ่ง พอทุกคนวิ่งไปดูก็ไม่พบใคร มีเพียงเก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดอยู่เท่านั้น 
     
       หรือผีผู้หญิงผมบลอนซ์ที่มักจะปรากฎกายในห้องน้ำ หลายคนที่พบเห็นจะบอกลักษณะที่ตรงกันว่า เธอจะนิ่งเฉยไม่มีปฏิกริยากับใคร เคลื่อนไหวโดยไม่มีเท้า ในลักษณะลอยไปข้างหน้าในที่สุดเธอก็หายไปในอากาศ สร้างความหลอนให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก หรือผีผู้ชาย ที่คนส่วนใหญ่มักจะพบเจอในห้องโถงเดินไปเดินมา แต่พอมีคนจะเข้าไปดูว่าใครเดินอยู่ในห้องนั้นผีก็จะหายตัวไปทันที
     
       ห้องเก็บศพชั้นใต้ดิน
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       มีคนกล่าวว่าชั้นใต้ดินของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เคยเป็นที่เก็บศพของโรงพยาบาลมาก่อน และแน่นอนที่นี่คือจุดศูนย์รวมของเหล่าบรรดาผีและวิญญาณ และตอนนี้ห้องนั้นได้กลายเป็นห้องสมุดเล็กๆ น่ารักๆ มีชั้นหนังสือ และที่นั่งอ่านหนังสืออย่างสะดวกสบาย แต่แล้วก็มีเรื่องเล่าเขย่าขวัญจากห้องสมุดเล็กๆ น่ารักๆ แห่งนี้ ในปี ค.ศ.1970 จากเจ้าหน้าที่ รปภ. คนหนึ่ง ในตอนดึกขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ รู้สึกเจ็บที่เท้าจึงนั่งลงบนเก้าอี้และถอดรองเท้าออก จากนั้นก็ได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง!!! และแล้วเก้าอี้อีกตัวก็เริ่มขยับไปกระแทกกับฝาผนัง เขาทั้งวิ่งทั้งกระโดดออกจากที่นั้นอย่างเร็ว โดยไม่ใส่แม้แต่รองเท้าออกมา และก็ไม่เคยกลับมายังมหาวิทยาลัยแห่งนี้อีกเลย
     
       5. วิทยาลัยแบรดฟอร์ด เฮเวนฮิล (Bradford College Haverhill, MA)
     
       แต่เดิมวิทยาลัยแบรดฟอร์ดเคยเป็นสถาบันการศึกษาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ อบรมพวกมิชชันนารีที่เรียกว่าBradford Academy (1803) และได้เริ่มพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาเป็น Bradford College Haverhill ในปี ค.ศ. 1971 เป็นวิทยาลัยศิลปศาสตร์ที่เปิดให้ศึกษาได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ด้วยความเป็นสถาบันอันเก่าแก่และใกล้ชิดกับศาสนามาก แต่แบรดฟอร์ดกลับมีตำนานเรื่องเล่าสะเทือนขวัญที่หลายคนคงคาดไม่ถึง...
     
      

       

     
       เด็กสาวคนหนึ่งที่ได้แอบไปมีความสัมพันธ์ลับๆ กับบาทหลวงที่โรงเรียนแห่งนี้ และเมื่อเธอตั้งครรภ์ก็เกิดมีปากเสียงกัน บาทหลวงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ เด็กสาวไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมกับทารกในครรภ์ บางกระแสบอกว่าเด็กสาวไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่โดนบาทหลวงฆ่าตายเพราะกลัวความผิด เชื่อว่าดวงวิญญาณทั้งสองดวงเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้าย และบาทหลวงผู้หลงผิดยังคงสิงสถิตอยู่ที่นี่ ความเฮี้ยนของเหล่าดวงวิญญาณเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เพราะมีรายการโทรทัศน์ที่สามารถบันทึกเสียงกรีดร้อง และภาพที่บันทึกได้ภายในวิทยาลัย แต่ความหลอนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน เพราะได้มีเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกันอย่างบอกไม่ถูก...
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       โดยเรื่องเล่านี้มาจากนักศึกษาคนหนึ่งว่า มีนักศึกษาแอบไปมีความสัมพันธ์กับอาจารย์สอนการแสดง หรือบางทีเธออาจโดนข่มขืนจากอาจารย์คนนี้ก็เป็นได้ และเมื่อเธอตั้งท้องก็ได้ไปบอกกับเขาว่าเธอจะไปฟ้องอธิการบดีหากเขาไม่รับผิดชอบ ด้วยต้องการจะปกปิดความผิดของตัวเอง อาจารย์ใจโหดจึงได้ลงมือฆ่าเธอในขณะที่ยังตั้งครรภ์อยู่ เหมือนกับเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ดวงวิญญาณของเด็กสาวทั้งสองคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานพร้อมลูกน้อยในครรภ์ยังคงวนเวียนอยู่ และปรากฎตัวให้คนอื่นๆ ได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง...ที่โรงละคร Denworth Hall มักจะพบหญิงสาวซ้อมการแสดงอยู่ บางครั้งก็ร้องเพลง “Hush, Little Baby” 
     
        เมื่อเวลาเปลี่ยนไปเสียงร่ำลือเกี่ยวกับวิญญาณของหญิงสาวเริ่มปรากฎตัวชัดเจนขึ้น จากช่วงแรกเป็นเพียงเงาดำๆ และพัฒนาขึ้นมาเป็นหญิงสาวในชุดแฟลบเปอร์ (แฟชั่นฮิตในช่วงสงครามโลก) ลอยไปมาที่บันไดในมือถือตุ๊กตาร้องเพลงไปอย่างเศร้าสร้อย นักศึกษาหลายคนที่ได้พบกับภาพสุดหลอนนี้ต่างก็พากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง วันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องผีของหญิงสาวก็แพร่สะพัดไปทั่ววิทยาลัย และไม่แปลกใจที่ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ปิดตัวลง เพราะไม่มีนักศึกษาคนใดกล้าเข้ามาเรียนต่อที่วิทยาลัยแห่งนี้!!!
     
       6. มหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม (University of Notre Dame)
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
University of Notre Dame
       หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน โดดเด่นมากในด้านกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ "Fighting Irish" จนฮอลลีวูดนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อดังเมื่อปี ค.ศ.1993 เรื่อง "Rudy" ซึ่งถ่ายทำในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตจริงของ Daniel Rudy Ruettiger ที่เอาชนะอุปสรรคมากมายในการเล่นฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม และไม่เพียงชื่อเสียงด้านกีฬา แต่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องตำนานความหลอนประจำมหาวิทยาลัยกับวลีที่ว่า "Win one for the Gipper" นักกีฬาชื่อดังในตำนานที่วิญญาณยังคงอยู่ที่มหาวิทยาลัย
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
George Gipp
       เรื่องราวหลอนๆ ของ “George Gipp” นักกีฬาฟุตบอลประจำทีมของมหาวิทยาลัย เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1920 ในคืนที่เขาไม่สามารถเข้าหอพักได้เนื่องจากกลับช้าประตูหอปิด เขาจึงได้ไปนอนที่หน้าบันไดตึกวอชิงตันฮอล์ ในคืนที่อากาศหนาวเย็นจนเป็นที่มาของโรคปอดบวมและติดเชื้อในลำคอ ได้เสียชีวิตลงที่เตียงนอนที่หอพักของเขาในวันที่ 14 ธันวาคม 1920 และด้วยความรักมหาวิทยาลัยและทีมรักของเขาวิญญาณของจอร์จจึงวนเวียนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ และสร้างสัมผัสให้กับเพื่อนๆ และรุ่นน้องได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาเรื่อยมา บางคนถึงกับเล่าว่า รู้สึกเหมือนมีใครมาตบที่ไหล่ของพวกเขาเบาๆ แต่พอหันไปกลับไม่พบใครเลย และจอร์จมักจะชอบแกล้งนักเรียนการแสดงที่ชอบทำงานอยู่หลังเวทีตอนดึกๆ ปรากฎตัวแว่บไปแว่บมา และลอยหายไปในอากาศในที่สุด และเคยมีนักศึกษาโดนผลักตกบันได้โดยมือที่มองไม่เห็น เพราะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น แต่นักศึกษายืนยันว่าเขาโดนผลักลงมาจริงๆ แม้จะระบุไม่ได้ว่าการกระทำเหล่านี้เกิดจากดวงวิญญาณของจอร์จหรือไม่ แต่ก็มีนักศึกษาส่วนหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าเคยเห็นเขาวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวนักศึกษาบางคน และตบไหล่เป็นการให้กำลังใจเบาๆ
     
       7. วิทยาลัยสวีทเบีย (Sweet Briar College)
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
Sweet Briar College
       แม้ว่าวิทยาลัยแห่งนี้จะเต็มไปด้วยกุหลาบงาม เพราะมีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามาศึกษา ณ วิทยาลัยแห่งนี้ได้ แต่ความงามของหญิงสาวก็นำมาซึ่งความสยองไม่แพ้กัน ต้องเรียกว่าวิทยาลัยสวยสยองอาจจะเหมาะกว่า กับเรื่องราวของผีสาวนามว่า 'Daisy Williams' ที่คอยหลอกหลอนผู้คน นักศึกษาหลายคนโดนหลอกจนต้องย้ายออกจากวิทยาลัยไปก็มี ผีสาวเดซี่เธอเป็นลูกสาวของผู้ก่อตั้งวิทยาลัยแห่งนี้ และได้เสียชีวิตลงในช่วงวัยรุ่นอายุได้เพียง 16 ปีเท่านั้น และนี่คือที่มาของตำนานความสยองอันลือเลื่อง
     
       รถที่ถูกขโมย ผ้าเช็ดตัวที่หายไป ลมหายใจของผีสาว
     
       นักศึกษารายหนึ่งเล่าว่า เพื่อนสาวของเขาต้องการที่จะไปลองของด้วยความคึกคะนองของวัยรุ่น ไปล้อเลียนที่รูปปั้นของเดซี่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณวิทยาลัยอย่างสนุกสนานเฮฮา กลายเป็นเรื่องตลกกันไป แต่แล้วสักครู่หนึ่งรถของเธอที่จอดอยู่ในเนินจอดรถ อยู่ๆ เบรคก็ไม่ทำงานทำให้รถพุ่งลงมาจากเนิน เด็กทั้งสี่คนยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก พยายามช่วยกันวิ่งตามรถเพื่อที่จะหยุดมัน เปิดประตูและกระโดดขึ้นไปบนรถในขณะที่รถก็ยังคงเคลื่อนที่เองอย่างไม่รู้สาเหตุ โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร แต่วันรุ่งขึ้นเรื่องเล่าถึงความเฮี้ยนของผีสาวเดซี่ก็ได้แพร่กระจายไปทั่ววิทยาลัย
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
Daisy Williams
       อีกหนึ่งเรื่องเป็นเรื่องเล่าของนักศึกษาสาวที่อาศัยอยู่ในหอพักในวิทยาลัย กำลังจะเอาตระกร้าผ้าไปซัก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแปลกๆ จึงมองไปทางด้านขวาที่พุ่มไม้ก็พบว่าผ้าเช็ดตัวของเธอไปห้อยอยู่บนต้นไม้ได้อย่างไร? เพราะเธอเพิ่งจะซักผ้าเช็ดตัวผืนนี้ไปเอง อีกใจหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าผ้าเช็ดตัวที่ห้อยอยู่บนต้นไม้นั้นเป็นของเธอหรือไม่ จึงได้รีบกลับไปที่ห้องเพื่อค้นหาผ้าเช็ดตัว ปรากฎว่าผ้าเช็ดตัวของเธอได้หายไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าผ้าผืนนั้นต้องเป็นของเธอ เพื่อนๆ รูมเมทต่างก็พากันสันนิษฐานว่าต้องเป็นฝีมือของเดซี่อย่างแน่นอน เพราะความสูงระดับนั้นเด็กสาวอย่างพวกเธอคงทำได้ยากที่จะเอาผ้าเช็ดตัวไปแขวนบนต้นไม้
     
        ระดับดีกรีความน่ากลัวของเดซี่เริ่มเพิ่มขึ้น เมื่อมีนักศึกษาคนหนึ่งเล่าว่าในคืนหนึ่งในขณะที่เธอและรูมเมทกำลังนอนหลับอยู่นั้น เธอต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังมาก เธอจึงมองไปที่เพื่อนร่วมห้องเพราะคิดว่าเป็นเสียงลมหายใจของเพื่อนอย่างแน่นอน แต่ผิดคาดเพราะเพื่อนของเธอยังคงนั่งอยู่ที่เตียงไม่ได้หลับหรือกรนเสียงดังแต่อย่างใด และเมื่อเธอทั้งคู่นอนเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง นักศึกษาสาวยังคงไม่หลับและได้ยินมันอย่างชัดเจน ได้ยินเหมือนเสียงลมหายใจของมนุษย์ที่แรงมาก แต่ทิศทางของเสียงมาจากด้านบนเพดานหายใจลงมาที่พวกเธอ สักครู่นักศึกษาสาวก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมห้องตะโกนถามขึ้นมาว่า “นั่นเสียงเธอใช่มั๊ย?” นักศึกษาสาวตอบเพื่อนไปว่า“ไม่ใช่” แล้วเสียงหายใจนั้นก็หายไป ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันจนถึงเช้า...
     
       8. มหาวิทยาลัยจอร์เจีย (University of Georgia)
     
       มหาวิทยาลัยจอร์เจียเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของเหล่าวิญญาณมากมายที่ยังคงวนเวียนอยู่ เรื่องราวลึกลับต่างๆ ถูกซ่อนไว้ภายใต้ตึกเก่าแก่โบราณรอบๆ มหาวิทยาลัย นำมาซึ่งความหลอนที่ใครๆ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้หากเหล่าวิญญาณเหล่านั้นเกิดถูกชะตาและต้องการให้คุณเห็น
     
       ผีเจ้าสาวรอรัก
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       ในบริเวณมหาวิทยาลัยจะมีบ้านหลังหนึ่งที่ชื่อว่า “Alpha Gamma Delta” เป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในมหาวิทยาลัย ถูกซื้อมาเพื่อเป็นเรือนหอของ “Miss Susie Carithers” แต่แล้วในวันแต่งงานของเธอกลับเกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซูซี่คิดว่าเจ้าบ่าวของเธอหลบหนีงานแต่งงานไม่มาตามที่นัดหมายไว้ เธอจึงผู้คอตายใต้ห้องหลังคา ภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเจ้าบ่าวก็มาปรากฎตัวที่บ้านของเธอ แต่มันก็สายไปเสียแล้วซูซี่ไม่ทันได้อยู่ฟังความจริงว่าเขาไม่ได้หนีงานแต่งงาน แค่เพียงเลื่อนเวลาออกไปเท่านั้น จนถึงวันนี้ยังมีคนพูดว่าได้เห็นซูซี่จ้องมองลงมาจากห้องใต้หลังคาห้องนั้นอยู่เสมอๆ เพื่อรอคอยคนรักของเธอ...
     
       ลูกสาวที่ยังไม่อยากจากไป
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ “Sigma Phi Epsilon” เบื้องหลังความเป็นมาที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ในตึกแห่งนี้ เมื่อนานมาแล้วเจ้าของบ้านหลังนี้หลังจากที่กลับมาจากทำงานก็พบว่าลูกสาวของเขาจมน้ำตายอยู่ในอ่างอาบน้ำ หลังจากนั้นเขาก็ฆ่าตัวตายตาม โศกนาฎกรรมครั้งนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนจำนวนมาก รวมถึงเรื่องหลอนๆ ภายในบ้านหลังนี้ก็เป็นที่กล่าวถึงอีกเช่นกัน ล่าสุดนักศึกษารายหนึ่ง นั่งอยู่ในห้องแล้วได้ยินเสียงดังมาจากห้องใต้หลังคา เขาคิดว่าคงเป็นเสียงจากเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ จากนั้นเขากลับได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้โหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาน เขาจึงตะโกนไปที่ห้องใต้หลังคาว่าใครอยู่ที่นั่น ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆ กลับมา เขาจึงค่อยๆ เดินขึ้นไปดู และพบว่าที่ห้องนั้นไม่มีใครอยู่เลย แล้วเสียงเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้นั่นหละมาจากไหน???
     
       9. วิทยาลัยแคนยอน (Kenyon College)
     
        วิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารชื่อดังอย่าง Forbesในปี 2010 ที่ผ่านมา ที่ไม่เพียงสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมในยุคโกธิคเท่านั้น แต่วิทยาลัยแห่งนี้ยังแฝงไปด้วยความลี้ลับอีกมากมายที่เชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยรู้มาก่อนเป็นแน่ 
     
       ตึกแคนยอนเก่า
     
       วิทยาลัยแห่งนี้รู้จักกันดีในด้านของวิทยาลัยชื่อดังด้านศิลปศาสตร์ และอีกด้านที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันดีไม่แพ้กันนั่นก็คือเรื่องของคนตาย...และหนึ่งเรื่องหลอนที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของวิทยาลัยแห่งนี้เกิดขึ้นที่หอพักแคนยอนเก่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1827 และมาถูกไฟไหม้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สร้างความสูญเสียไว้อย่างมากมาย โดยมีนักศึกษาชายเสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้หอพักเมื่อปี ค.ศ.1949 จำนวน 9 คน และแน่นอนว่าวิญญาณของพวกเขายังไม่ไปไหน มีนักศึกษาหลายคนพูดว่าพวกเขามักจะเจอดวงวิญญาณห้องโถงชั้น 1 นักศึกษามักจะพูดกันว่าเขาเห็นผีโผล่มาจากเพดาน ไฟเปิดและปิดเองอยู่บ่อยๆ และฉากในห้องน้ำอันสุดสยองเมื่อนักศึกษาหญิงที่กำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำ อยู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเขย่าและมีเสียงของผู้ชายดังขึ้นว่า “หนีเร็วๆ ไฟไหม้” หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของนักศึกษาก็ดังขึ้น...โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       สระว่ายน้ำและสตูดิโอเต้นรำ
     
        และที่อาคารสระว่ายน้ำเก่า อดีตนักกระโดดน้ำได้เกิดอุบัติเหตุกระจกในอาคารแตกและหล่นลงมา บาดคอของเขาและตกลงไปน้ำสระว่ายน้ำเสียชีวิตทันที แน่นอนว่าวิญญาณของเขายังคงเฝ้าอยู่ที่สระว่ายน้ำแห่งนี้ เพราะมีนักศึกษาหลายคนได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากสระว่ายน้ำ แต่พอวิ่งมาดูก็กลับไม่พบอะไรเลยมีเพียงสระว่ายน้ำที่สงบนิ่ง ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ...หรือที่สตูดิโอเต้นรำ พวกเขามักได้ยินเสียงเพลงดังออกมาโดยไม่มีใครอยู่ที่นั่น และได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำของสตูดิโอ พบรอยเท้าเปียกน้ำเดินย่ำไปมา แต่พบว่าไม่มีใครอยู่ วันดีคืนดีนักศึกษาบางคนก็จะได้พบกับเจ้าของรอยเท้าปริศนานั่นก็คือ เขาจะเห็นใบหน้าสีขาวซีด กำลังหวีผมอยู่ และหันหน้าออกมาจากหน้าต่างของอาคารนี้นั่นเอง
     
       10. วิทยาลัยเซนต์ชาร์ลส์ (St. Charles Community College)
     
        วิทยาลัยเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในรัฐมิสซูรี สหรัอเมริกา แม้จะไม่มีใครทราบประวัติและที่มาของตึกเก่าต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาเป็นวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ทั้งเหล่าบรรดานักศึกษาและอาจารย์ในวิทยาลัยกลับรู้จักกันดีเกี่ยวกับวิญญาณของเด็กผู้ชายที่คอยหลอกหลอนและแกล้งผู้คนที่อยู่ในตัวตึก หรืออาคารต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะเด็กนักเรียนนักศึกษา ทั้งแม่บ้าน และรปภ. ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความเฮี้ยนของผีที่อยู่ที่วิทยาลัยเซนต์ชาร์ลส์แห่งนี้
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       รอยเท้า กระดาษปลิว และผีเด็กผู้ชาย
     
        เหตุการณ์อันชวนขนลุกที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในวิทยาลัยนี้พบเจอกันบ่อยครั้งนั่นก็คือ มักจะปรากฏรอยเท้าที่เปื้อนโคลนเดินย่ำไปมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของใคร บางครั้งมีคนเห็นเป็นร่างของเด็กผู้ชายวิ่งกระโดด กระแทกเท้าแรงๆ หรือบางครั้งก็เกิดเสียงกระแทกประตูแรงโดยที่ไม่มีลมพัดหรือใครอยู่บริเวณนั้นเลย เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นห้องสมุดของวิทยาลัยจากการบอกเล่าของแม่บ้านทำความสะอาด ที่มาทำงานในช่วงปิดเทอมและแน่นอนว่าไม่มีใครอยู่ที่ตึกนี้เลยแม้แต่คนเดียว หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ พวกแม่บ้านก็ได้ยินเสียงประหลาดที่โต๊ะบริการจึงวิ่งไปดู ก็ไม่พบอะไร แต่พอเดินกลับมากลับพบรอยเท้าเปื้อนโคลนที่เดินย่ำไปบนพรมที่กลางห้องโถงเต็มไปหมด ด้วยความตกใจจึงวิ่งไปตามคนอื่นๆ มาดู แต่พอมาถึงก็พบว่ารอยเท้าเปื้อนโคลนเหล่านั้นได้หายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย มันหายไปได้อย่างไร? ด้วยวิธีไหน? และใครเป็นคนทำ?
10 มหา'ลัย...สุดเฮี้ยนในอเมริกา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
       อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่ตึกเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่แม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกระโดดอย่างแรงจนพื้นสะเทือนลงมายังชั้นล่างที่พวกเขาทำงานอยู่ จึงได้แจ้งให้แม่บ้านที่ประจำอยู่ชั้นนั้นรีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อพวกเขาไปถึงห้องต้นเสียงก็ไม่พบอะไรแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ กระดาษเอกสารสำคัญภายในห้องนั้นกำลังปลิวว่อนอยู่ในอากาศเป็นเวลานานกว่าชั่วโมงก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ สร้างความตื่นกลัวให้กับเหล่าแม่บ้านเป็นอย่างมาก บางคนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง และบางคนถึงกับเข่าอ่อนจนหนีไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว
     
        และเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็น่าจะเกิดมาจาก “ผีเด็กผู้ชาย” ที่หลายคนพูดตรงกันว่าพวกเขาเห็นวิญญาณของเด็กผู้ชายที่แต่งตัวคล้ายกับคนในศตวรรษที่ 19 อายุราวๆ 9 ขวบ ที่ปรากฏตัวในยามค่ำคืน และคอยหลอกหลอนผู้คนเมื่อเวลาเขาอยู่คนเดียว แต่เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของผีเด็กน้อยตนนี้ทั้งหมด บางทีอาจมีผีตัวอื่นที่ยังวนเวียนอยู่ในวิทยาลัยแห่งนี้ร่วมผสมโรงกับเด็กน้อยช่วยกันหลอกไปด้วยก็ได้
       
       ภาพและข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น