วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

พบแล้ว! ตัวสังหารกวางน้อย


      เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว ทีมนักวิจัยเจอกวางน้อยในป่ารัสเซียตายปริศนา พวกเขาไม่พบ
ร่องรอยสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่บนพื้นหิมะ มีเพียงร่องรอยของกวางวิ่งแล้วหยุด และตาย 

กระทั่งพวกเขากลับไปยังแคมป์ แล้วได้เห็นภาพจากกล้องดักถ่าย เมื่อประติดประต่อ
เหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
       
       ร่างของลูกกวางจีน (sika deer) เมื่อเดือน ธ.ค.2011 ระหว่างติดตั้งกล้องดักถ่ายไว้ในเขต
สงวนธรรมธาติรัฐลาโซฟสกี (Lazovsky State Nature Reserve) ในตะวันออกไกลของรัสเซีย
 เพื่อบันทึกภาพถิ่นอาศัยและการเคลื่อนย้ายของเสือไซบีเรียที่ใกล้สูญพันธุ์
       
       ลินดา เคอร์ลีย์ (Linda Kerley) นักอนุรักษ์จากสมาคมสัตววิทยาลอนดอน (Zoological Society 
of London: ZSL) ย้อนเหตุการณ์ในอดีตให้ไลฟ์ไซน์ฟังว่า เมื่อไปเจอซากกวงก็รู้สึกได้ทันทีว่า 
มีบางอย่างผิดปกติ
       
       "ตอนนั้นไม่มีร่องรอยของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ในพื้นหิมะเลย และดูเหมือนว่า 
กวางตัวนั้นวิ่งมาเรื่อยๆ แล้วก็หยุดและตาย หลังจากที่เรากลับไปแคมป์ที่ฉันได้ตรวจดูภาพ
จากกล้องและประติดประต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน ฉันแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันเห็น” เคอร์ลีย์ 
ซึ่งดำเนินโครงการติดตั้งดักถ่ายของสมาคมสัตววิทยากล่าว
       

       ภาพจากกล้องดักถ่ายเผยให้เห็นเหตุการณ์เพียง 2 วินาทีของการจู่โจมด้วยภาพถ่ายเพียง 3 ใบ 
แต่ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อินทรีทองที่โตเต็มที่โฉบหลังกวางน้อย
       
       “ฉันทำหน้าที่ประเมินสาเหตุการตายของกวางในรัสเซียมา 18 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน
ได้เห็นอะไรแบบนี้” เคอร์ลีย์กล่าว
       
       ข้อมุลจากไลฟ์ไซน์ระบุว่า อินทรีทองเมื่อโตเต็มที่จะหนักได้ถึง 5.4 กิโลกรัม และมีปีกที่กว้าง
ประมาณ 2.3 เมตร แม้ว่าโดยปกติพวกมันจะไม่ล่ากวาง แต่นกนักล่านี้ก็มีความทะเยอทะยานในการ
จู่โจมสัตว์ใหญ่ แต่ไม่มีข้อมูลว่านกชนิดนี้จู่โจมมนุษย์ด้วย แม้จะมีคลิปวิดีโอลวงออกมาอยู่เนืองๆ
       
       “รายงานทางวิทยาศาสตร์เต็มไปด้วยข้อมูลอ้างอิงว่าอินทรีทองจู่โจมสัตว์หลายชนิดจากทั่วโลก 
ตั้งแต่กระต่ายซึ่งเป็นเหยื่อปกติของนกชนิดนี้ ไปจนถึงหมาป่าโคโยตีและกวาง และแม้กระทั่งลูกหมี
สีน้ำตาลซึ่งมีรายงานว่าอินทรีโฉบเอาหมีดังกล่าวเมื่อปี 2004” โจนาธาน สลัฟท์ (Jonathan Slaght) 
จากสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (Wildlife Conservation Society: WCS) ร่วมให้ข้อมูล
       
       “ในกรณีนี้ผมว่าลินดามีโชคจริงๆ และสามารถบันทึกเหตุการณ์ล่าเหยื่อที่ไม่พบได้บ่อยนัก” 
สลัฟท์กล่าว โดยเขาและเคอร์ลีย์ได้ร่วมกันเขียนรายงานถึงเหตุการณ์ดังกล่าวลงในวารสาร
เจอร์นัลออฟแรพเตอร์รีเสิรช (Journal of Raptor Research) ฉบับประจำเดือน ก.ย.นี้


ภาพและข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น