วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

น้ำกับทราย' คลายปริศนาการสร้างพีระมิด


เมื่อนึกถึงประเทศอียิปต์ เราก็คงนึกถึงพีระมิดโบราณหลายแห่งที่ผุดขึ้นมาท่ามกลางทะเลทราย กับอูฐ
ที่คอยนำนักท่องเที่ยวเดินทางชมพีระมิด ตื่นตะลึงกับผลงานการรังสรรค์ของชาวอียิปต์โบราณที่ทุ่มแท
แรงกายแรงใจก่อสร้างสถานสถิตแห่งร่างกายและสะพานแห่งดวงวิญญาณกษัตริย์ที่เดินทางกลับจาก
โลกอีกโลกหนึ่ง ตามความเชื่อ "โลกหน้า" ของชาวอียิปต์โบราณ
                           พีระมิดนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 10 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ด้วยความเก่าแก่
และยิ่งใหญ่ ที่ยังคงยืนหยัดข้ามกาลเวลาจากเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วมาถึงปัจจุบันได้ เช่น พีระมิดคีออปส์
ที่เป็นสถานเก็บพระศพพระเจ้าคีออปส์ หรือ พระเจ้าคูฟู ที่มีพระบัญชาให้บรรดาทาสและพลเมืองชาว
อียิปต์สร้างขึ้นมาเมื่อ 3,500 ปี ก่อนคริสตกาล ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ เพื่อใช้สถานที่นี้เป็น
ที่สุดท้ายของพระองค์ในโลกนี้ 
                           พีระมิดคีออปส์ได้ชื่อว่าเป็นพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีการประเมินว่า
เมื่อแรกสร้างพีระมิดแห่งนี้มีความสูง 481 ฟุต หรือประมาณ 160 เมตร กว้าง 768 ฟุต หรือประมาณ
256 เมตร สร้างขึ้นมาจากหินทรายขนาดใหญ่นำมาเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนได้เหลี่ยมได้มุม 4 ด้าน
ว่ากันว่าหินแต่ละก้อนที่นำมาใช้มีน้ำหนักถึง 2.5 ตัน และเมื่อรวมน้ำหนักหินทั้งหมดที่นำมาสร้างก็อยู่
ที่ประมาณ 6 ล้านตัน
                           นักวิทยาศาสตร์ต่างสงสัยกันมานานแล้วว่า ชาวอียิปต์เคลื่อนย้ายหินขนาดใหญ่
น้ำหนักกว่า 2 ตัน ข้ามผ่านทะเลทรายที่ทุรกันดารจากแหล่งหินที่เชื่อว่าอยู่ห่างไปหลายสิบกิโลเมตร
ได้อย่างไร มีการตั้งทฤษฎีขึ้นมาหลากหลายตั้งแต่การเคลื่อนหินไปบนท่อนไม้หลายๆ ท่อน ให้ท่อนไม้
กลิ้งตัวนำหินผ่านพื้นทรายที่ร้อนระอุไป ซึ่งวิธีการดังกล่าวต้องใช้ทาสและแรงงานนับแสนคนและเวลา
นับสิบปีกว่าจะสร้างพีระมิดขึ้นมาได้


                           แต่เมื่อเร็วๆ นี้นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมร่วมกับนักวิทยาศาสตร์
จากหลายประเทศ ประกาศว่า สามารถไขปริศนาการเคลื่อนย้ายหินทรายขนาดใหญ่ผ่านทะเลทรายเพื่อ
มาสร้างพีระมิดได้แล้ว 
                           ปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายหินก็คือ "ทราย และ น้ำ" นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้
อธิบายว่า การใช้ทรายเปียกน้ำเคลื่อนย้ายของหนักๆ จะเป็นไปได้ง่ายขึ้น เพราะแรงเสียดทานบนพื้นผิว
เมื่อเทียบกับทรายแห้งจะลดลงไปกว่าครึ่ง การลากเลื่อนที่บรรทุกหินทรายก็จะทำได้สะดวก (แต่ไม่สบาย)
มากขึ้นนั่นเอง
                           ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังแสดงให้เห็นว่า การลากก้อนน้ำหนักบนเลื่อนบนทรายแห้งกับ
ทรายเปียกนั้นต่างกันอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ทรายนั้นเปียกจนเกินไป มิเช่นนั้นแรงตึงผิวบนทราย
เปียกโชกจะกลับก่อให้เกิดแรงเสียดทานขึ้นมาแทน ซึ่งปริมาณน้ำที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้ายวัตถุ
บนทรายอยู่ที่ราว 2-5% ของปริมาณทราย
                           ที่น่าสมเพชคือ ชาวอียิปต์โบราณได้อธิบายวิธีการเคลื่อนย้ายหินหนักๆ โดยใช้ทรายเปียก
ไว้บนรูปวาดในสุสานกษัตริย์ Djehutihotep ไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่คนรุ่นใหม่กลับตีความไม่ออกและพยายาม
ค้นหาวิธีการไขปริศนาของชาวอียิปต์โบราณด้วยวิธีต่างๆ โดยไม่ได้สนใจกับการตีความภาพนี้อย่างตรงไป
ตรงมา เพราะหลงไปกับมโนคติของนักอียิปต์วิทยาที่ตีความว่า การรดน้ำเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อที่ว่าเป็น
การสร้างความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้นบนพื้นดิน ทำให้ไม่เคยมีการตีความภาพที่มีคำอธิบายอย่างง่ายๆ ในทาง
วิทยาศาสตร์แต่อย่างใด
ภาพและข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น