ทะเลสาบหนองหาน อุดรธารี ดังกระหึ่มโลก เมื่อซีเอ็นเอ็นเทคะแนนในลำดับที่ 2 เป็นทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลกทีี่ควรไปเยี่มชม ด้วยความงดงามของดอกบัวแดงนับหมื่นๆ ดอกพรึ่บเต็มบึง
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นดอทคอมเปิดเผยรายงานการจัดอันดับบึงน้ำสุดแปลกทั่วโลกที่เป็นที่หมายการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว โดยจัดให้หนองหาน จ.อุดรธานี ของไทย เป็นทะเลสาบที่แปลกที่สุดอันดับสองของโลก รองจากทะเลสาบแมงกะพรุน(Jellyfish Lake) ในสาธารณรัฐปาเลา ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกของฟิลิปปินส์
ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ทะเลสาบแต่ละแห่งมีระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนั้นปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ และแม้จะมีทะเลสาบมากถึงกว่า 3 ล้านแห่ง ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก แต่กลุ่มทะเลสาบที่คัดเลือกมาในครั้งนี้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจที่สุด
ทั้งยังอธิบายถึงเอกลักษณ์ของทะเลสาบแมงกะพรุนบนเกาะอิลมาร์ก ในหมู่เกาะร็อก ของสาธารณรัฐปาเลา เป็นดินแดนที่ไม่มีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ แต่ที่นี่เป็นสวรรค์ของแมงกะพรุนขนาดใหญ่น้อยนับล้านตัว แมงกะพรุนที่นี่ไม่ต้องออกล่าเหยื่อเหมือนแมงกะพรุนโดยทั่วไป เพราะได้รับสารอาหารโดยตรงจากสาหร่ายซิมไบโอติกที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อ ทำให้แมงกะพรุนในทะเลสาบแห่งนี้ไม่มีพิษ นักท่องเที่ยวจึงสามารถลงเล่นน้ำท่ามกลางฝูงแมงกะพรุนโดยไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับอันตราย
ส่วนทะเลสาบหนองหาน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นั้น มีบัวสีแดงเป็นจำนวนมาก และ เบ่งบานเหนือผิวน้ำทั่วพื้นที่บึงนับ 2 หมื่นไร่ ทำให้เกิดเป็นภาพของทุ่งดอกไม้น้ำที่ยิ่งใหญ่ราวกับพรม ดอกบัวในหนองหานจะเริ่มเบ่งบานตั้งแต่เดือนตุลาคม หลังจากฤดูฝนผ่านพ้นไป และจะเบ่งบานจนเต็มบึงในช่วงเดือนธันวาคม ในเวลานั้นจะเห็นชาวบ้านและนักท่องเที่ยวพายเรือมาชมความงามของดอกบัวในหนองหานอย่างเต็มที่
ซีเอ็นเอ็นยังอธิบายด้วยว่า หนองหาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทะเลบัวแดง นั้น จะงดงามที่สุดในช่วงก่อนเที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่ดอกบัวบานเต็มที่ เปล่งประกายความงดงามของดอกบัวสีชมพูสด และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอุดรธานี จังหวัดที่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ทางตอนเหนือราว 500 กิโลเมตร
สำหรับบึงหนองหาน คือทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.กุมภวาปี กับบางส่วนในพื้นที่ อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ความอุดมสมบูรณ์ของบึงหนองหานถือเป็นต้นแบบที่น่าสนใจต่อการศึกษาระบบนิเวศวิทยา เพราะมีความชัดเจนในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างพืชพรรณและสัตว์ กลับคืนมาเป็นผลิตผลให้ชาวบ้านได้เก็บเกี่ยวเลี้ยงชีพและหล่อเลี้ยงชุมชนจนเป็นภาพวิถีชีวิตของชาวหนองหานมานานปี
ขณะที่ความอุดมสมบูรณ์ของบึงหนองหานก่อเกิดวงจรชีวิตของบัวแดง หรือ “บัวสาย” ซึ่งเป็นประจักษ์พยานถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ควรค่าแก่การศึกษา จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบัวแดงที่บึงหนองหานจึงงอกงามทั่วท้องน้ำไปไกล สุดลูกหูลูกตานับเป็นหมื่นๆดอก เพื่อเชิญชวนทุกผู้คนได้มาชมทุ่งทะเลบัวแดง แหล่งชมทุ่งดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะได้เต็มอิ่มและเพลิดเพลินกว่าการนั่งเรือชมความงามอย่างเดียว
ส่วนทะเลสาบแห่งอื่นที่ซีเอ็นเอ็นจัดนั้น ได้แก่ อันดับ 3 ทะเลสาบลา เบรีย พิตช์ ในประเทศตรินิแดด ที่มีแอสฟัลต์เหลวอยู่เต็มท้องทะเลสาบ หรือเรียกว่าทะเลสาบยางมะตอยและเป็นแหล่งส่งออกแอสฟัลต์ของโลกตั้งแต่ 500 ปีที่แล้ว
อันดับ 4 ทะเลสาบบอยลิ่ง (Boiling Lake)ในประเทศโดมินิกัน ที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่มีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ผิวโลกตลอดทั้งปี
อันดับ 5 ทะเลสาบแมนนิกัวแกน (Lake Manicouagan)ประเทศแคนาดา ทะเลสาบที่ล้อมรอบเกาะไว้เป็นวงกลม
อันดับ 6 ทะเลสาบลากูน่า โคโลราโด(Laguna Colorada) ประเทศโบลิเวีย ที่อยู่สูงถึง 14,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล และฉาบทาไว้ด้วยสาหร่ายสีแดงที่พบได้เฉพาะแหล่งน้ำที่เป็นด่างอย่างรุนแรง
อันดับ 7 ทะเลสาบบนยอดภูเขาเอเรบัส (Mount Erebus) บนทวีปแอนตาร์กติกา ที่มีน้ำร้อนผุดขึ้นจากใต้ผืนพิภพ ที่ความสูง 12,500 ฟุต ตัดกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นสุดขั้วของทวีปขั้วโลกใต้
อันดับ 8 ทะเลสาบฮิลเลอร์ (Lake Hillier)ในประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 9 ทะเลสาบสุพีเรีย (Lake Superior)สหรัฐอเมริกา
อันดับ 10 ทะเลสาบเมดิซีน (Medicine Lake) ประเทศแคนาดา
อันดับ 11 ทะเลสาบเนตรอน(Lake Natron) ประเทศแทนซาเนีย
อันดับ 12 ทะเลสาบแมคเคนซี่ (Lake McKenzie)ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 13 ทะเลสาบพาวิลเลียน(Pavilion Lake) ประเทศแคนาดา
อันดับ 14 ทะเลสาบนีโยส (Lake Nyos) ประเทศแคเมอรูน
ส่วนทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) ที่คนไทยรู้จักกันดี เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีปริมาณเกลือมากที่สุดในโลกในบริเวณพรมแดนอิสราเอล-จอร์แดน อยู่ในอันดับที่ 15
ข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น