ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯกำลังเก็บอุปกรณ์ เพื่อขนย้ายสิ่งของอยู่บริเวณห้องด้านหลังศูนย์แถลงข่าว หรือตึกพระอาทิตย์ ก็ได้ตะโกนร้องเรียกเพื่อนที่อยู่ด้วยนอกเข้ามาช่วย ด้วยอาการสีหน้าแสดงออกถึงการตกใจ เนื่องจากว่าขณะที่เก็บของอยู่นั้น จู่ ๆ ไปได้กลิ่นน้ำอบไทยโบราณคละคลุ้งไปทั่วบริเวณที่กำลังเก็บของ ซึ่งจากการสอบถามเพื่อนที่เข้าไปช่วยเหลือก็กล่าวเช่นกันว่าได้กลิ่นน้ำอบไทยเหมือนกัน สร้างความหวาดผวาขนหัวลุกให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯ ได้รีบสอบถามกับเจ้าหน้าที่กรมยุทธโยธาทหารบก ที่กำลังทำการรื้อภายในอาคารตึกนารีสโมสรว่าได้จุดธุปขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในตึกนารีสโมสรหรือยัง โดยเจ้าหน้าที่กรมยุทธฯระบุว่า ทางทีมงานยังไม่ได้ไหว้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในตึกนารีสโมสร จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมยุทธฯ และเจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯ จึงได้ทำการจุดธูปไหว้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะทำการรื้อถอน เพื่อปรับปรุงตึกนารีสโมสรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับประวัติตึกนารีสโมสรนั้น มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาในหมู่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลถึงความอาถรรพ์ของตึกนารีสโมสร ซึ่งจากการสอบถามข้าราการเก่าแก่ที่ทำงานประจำทำเนียบรัฐบาลมานาน ระบุว่า เคยมีข้าราชการทำเนียบทำงานในช่วงดึกได้มองมาที่กระจกด้านหลังตึกนารีสโมสรก็เห็นเป็นเงาสะท้อนในกระจกเห็นเป็นร่างผู้ชาย สูงใหญ่กำยำมีหนวด แต่งกายนุ่งผ้าแดงไม่สวมเสื้อยืนอยู่ภายใน รวมถึงยังมีการพบเห็น ชายร่างใหญ่เช่นกันแต่งกายสะอาดสะอ้านสวมชุดทรงพระราชทานสีขาว (ราชปะแตน) และนุ่งผ้าอยู่บนตึกพระอาทิตย์ ด้านหลังห้องแถลงข่าวรัฐบาล และได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และเสียงคนกำลังควบม้าด้วย.
ภาพจากอินเทอร์เนต ข้อมูลจาก http://www.dailynews.co.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น