วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

เกาหลีใต้เตรียมผุด “หอคอยล่องหน” แห่งแรกในโลกที่กรุงโซล

หลังรอคอยมานานหลายปี ในที่สุดทางการเกาหลีใต้ก็ออกใบอนุญาติให้ บริษัท จีดีเอส อาร์คิเท็คส์
ดำเนินการก่อสร้างหอคอยล่องหนแห่งแรกในโลก ภายใต้ชื่อ ”ทาวเวอร์ อินฟินิตี้”  ซึ่งจะมีความสูงถึง 
450 เมตร จ่อขึ้นแท่น 1 ใน 10 สิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดในโลก



ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โปรเจ็คยักษ์ริมแม่น้ำฮัน ”ยองซาน อินเตอร์เนชั่นแนล บิสสิเนส ดิสทริคท์ 
(Yongsan International Business District)” หรือ “ยองซานดรีมฮับ”  จะเต็มไปด้วยตึกสูงรูปทรง
แปลกๆ และหนึ่งในนั้นก็คือ ”ทาวเวอร์ อินฟินิตี้” ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็น “หอคอยล่องหน” 
ที่สามารถอวดโฉมหรือหายวับไปได้ในชั่วพริบตา

หอคอยดังกล่าวชนะการประกวดออกแบบในระดับนานาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2008 ออกแบบโดยบริษัท
 “จีดีเอส อาร์คิเทคส์”  เจ้าของโครงการคือ “โคเรีย แลนด์ แอนด์ เฮ้าซิ่ง คอร์ปอเรชั่น”  ซึ่งเป็น
องค์กรของรัฐบาลที่มีหน้าที่พัฒนาที่ดิน เคหะชุมชน และอาคารสาธารณะ สาเหตุที่เลือกผุดโปรเจ็ค
 “หอคอยล่องหนแห่งแรกในโลก” ก็เพื่อเป็นการประกาศศักดาและแสดงนวัตกรรมอันโดดเด่น
ทางด้านเทคโนโลยีของเกาหลีให้เป็นที่ประจักษ์และกล่าวขานไปทั่วโลก ผ่านทางการนำเสนอ
หอคอยรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความโดดเด่น แปลกใหม่ ไม่ซ้ำที่ใด

                          


“ทาวเวอร์ อินฟินิตี้” มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหอคอยทั่วโดยไป เพราะตั้งอยู่ภายในโครงสร้าง
กระจก แม้จะมีความสูงถึง 450 เมตร และมีจุดชมวิวสูงเป็นอันดับสามของโลกที่ระดับความสูง 392 เมตร 
แต่ความสูงไม่ใช่จุดขายของหอคอยแห่งนี้ หากเป็นเทคโนโลยีในการสร้างภาพลวงตาด้วยระบบ
ดิจิตอลอันล้ำสมัย โดยจะติดตั้งกล้องไว้ที่ผนังโครงสร้างกระจกด้านนอกทั้ง 6 มุม บนความสูงที่
แตกต่างกัน 3 ระดับเพื่อจับภาพรอบด้านแบบเรียลไทม์ภายใต้ระบบดิจิตอล  ภาพทั้งหมดที่ได้จะถูก
ปรับมาตราส่วนและทิศทาง ก่อนนำมาผสานรวมกันเพื่อให้ได้ภาพที่กลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกับ
วิวรอบด้านแบบไร้รอยต่อ หลังจากนั้นภาพทั้งหมดจะถูกฉายลงบนจอแอลอีดีบริเวณผนังด้านหน้า
ซึ่งแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน (บน-กลาง-ล่าง) แต่ละส่วนประกอบด้วยแผงหลอดไฟ
แอลอีดี 500 แถว ซึ่งจะแสดงภาพดิจิตอลแบบเป็นอิสระต่อกัน
ด้วยเหตุนี้ เวลามองไปที่หอคอยดังกล่าวขณะอยู่ในโหมด ‘ล่องหน’ เราจึงเห็นภาพที่ถูกส่งมาจาก
กล้องทางด้านหลังซึ่งกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมจนดูเหมือนว่าหอคอยตรงหน้าหายไป แต่ลูกเล่น
ของหอคอยที่ว่ายังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะผู้ควบคุมสามารถปรับระดับการล่องหนของหอคอยได้ 
(เช่น หายแบบลางเลือน หรือหายไปเลย) นอกจากสร้างภาพลวงตาแล้ว จอแอลอีดีของหอคอยยัง
สามารถแสดงแสงสี ถ่ายทอดรายการสำคัญหรือกิจกรรมพิเศษต่างๆ ทั้งยังใช้เป็นสื่อโฆษณาได้ด้วย
 ประโยชน์อีกอย่างของการสร้างหอคอยล่องคนก็คือ “ไม่บดบังทัศนียภาพ” ถึงแม้จะตั้งตระหง่าน
ด้วยความสูงถึง  450 เมตรก็ตาม


หลังก่อสร้างแล้วเสร็จ “ทาวเวอร์ อินฟินิตี้” จะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางย่านธุรกิจ 
โดยจะถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมและนันทนาการ ภายในประกอบด้วย จุดชมวิว
หลากหลายจุด, โรงภาพยนตร์ 4D, รถไฟเหาะ, สวนน้ำ, สถานที่จัดงานแต่งงาน ตลอดจน
ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น และเนื่องจากหอคอยแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติ
อินชอน ผู้โดยสารจึงต้องคอยลุ้นว่าจะเห็นหอคอยดังกล่าวจากบนเครื่องบินหรือไม่

   แม้จะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “ทาวเวอร์ อินฟินิตี้” มีกำหนดแล้วเสร็จเมื่อไหร่ 
แต่หอคอยแห่งนี้ก็เตรียมขึ้นแท่นหอคอยสูงอันดับ 6 ของโลกแทนที่หอคอย “มิหลาด ทาวเวอร์
 (Milad Tower)” ในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ซึ่งมีความสูง 435 เมตร และยังจะได้ชื่อว่าเป็น
 1 ใน 10 สิ่งปลูกสร้าง (นับรวมหอคอยและตึก) สูงที่สุดในโลกอีกด้วย (หากไม่มีตึกหรือหอคอย
ใดทุบสถิติแซงหน้าเสียก่อน)

ภาพและข้อมูลจาก http://gotcha.co.th/ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น