วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เด็กอินเดียวัย8ขวบ มือใหญ่เท่าหัว



เด็กชายอินเดียวัย8ขวบ มือคล้ายก้อนหินแถมใหญ่เท่าหัว แพทย์คาดเป็นเนื้องอก-
น้ำเหลืองผิดปกติ.

เมื่อ 21ส.ค.2014 เว็บไซต์ข่าวเดลีเมล์ อังกฤษ รายงานว่า พบเด็กชายชาวอินเดียวัย 8 ปี
ที่มีมือรูปร่างผิดปกติทั้งสองข้าง คือมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ขนาดประมาณ 13 นิ้ว และหนัก
พอๆ กับก้อนหิน 2 ก้อน ซึ่งเด็กชายได้เปิดเผยว่าว่า เขาไม่ได้ไปโรงเรียนเนื่องจากอาจารย์
บอกกับเขาว่า เด็กคนอื่นๆ กลัวและจะไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งนี้เขามักจะถูกเด็กวัยเดียวกัน
กลั่นแกล้ง


มารดาวัย 27 ปีของเด็กชายกล่าวว่า เห็นลักษณะมือที่ผิดปกติของลูกชายตั้งแต่ให้กำเนิด
แต่ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะพาไปรักษา โดยครอบครัวมีรายได้เพียง 15 ปอนด์ หรือ
ประมาณ 800 บาทต่อเดือนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ทางครอบครัวได้พาเด็กชายมือใหญ่ไปพบแพทย์ใน
ระแวกนั้นแล้ว โดยทางเหล่าแพทย์ถึงกับกล่าวว่า เขาไม่เคยพบอาการลักษณะนี้
มาก่อนทั้งในจุลสารทางการแพทย์ทั้งนี้ไม่สามารถล่วงรู้ต้นตอของอาการได้ จนกว่า
เด็กจะได้เข้ารับการตรวจสอบทางพันธุกรรมอย่างจริงจัง

เบื้องต้นคาดว่าอาจมีต้นตอจากความผิดปกติของระบบน้ำเหลือง หรือเป็นเนื้องอก
(Lymphangioma/ Hamartoma) ซึ่งสามารถรักษาได้ตามรายงานระบุว่า เด็กชายผู้นี้
ต้องประสบปัญหาในการหยิบจับสิ่งของ รวมทั้งต้องรับน้ำหนักฝ่ามือที่หนักเป็นพิเศษ


ภาพและข้อมูลจาก http://news.mthai.com/

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อึ้ง!เด็กรัสเซีย 3 ขวบ รอดชีวิตได้ด้วยตัวเอง 11 วัน หลังหลงป่า

     
      นับเป็นปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ เมื่อเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวรัสเซียเกิดพัดหลงเข้าไปในป่าในเขต Sakha ที่ถือว่าหนาวที่สุดในโซนไซบีเรีย อีกทั้งยังเป็นถิ่นของหมีและหมาป่า แต่เธอกลับเอาชีวิตรอดมาได้ตามลำพังเป็นเวลาทั้งสิ้น 11 วัน!!!!

     โดยหนูรัสเซียหัวใจแกร่งคนนี้มีชื่อว่า Karina Chikitova ซึ่งเธอเกิดหลงเข้าไปในป่าพร้อมกับลุกหมาคู่ใจ โดยที่ครอบครัวแทบไม่รู้ด้วยซ้ำ และว่ากันว่าป่าในเขต Sakha เมื่อถึงเวลายามค่ำคืนอุณหภูมิก็เกือบจะติดลบอยู่ที่ระดับ 0 องศา ซึ่งถือว่าหนาวหฤโหดมาก

ทันทีที่พ่อแม่รู้ทุกคนต่างสิ้นหวัง และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าคุณอาจต้องทำใจเพราะโอกาสริบหรี่มาก…และยิ่งวันเวลาผ่านไปความสิ้นหวังก็มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไร่วี่แววของเด็กสาว แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดความหวังเมื่อจู่ๆ ลุกหมาคู่ใจของเจ้าหนูคนนี้วิ่งกลับมาที่บ้าน…และมันมาเพื่อเรียกคนไปช่วยเจ้านายของมัน!!!!

     แน่นอนว่าทันทีที่เจ้าหน้าที่เห็นเขารู้ทันทีว่า เด็กสาวคนนี้อาจมีชีวิตรอด เพราะถ้าหากเธอกอดลูกหมาตัวนี้ข้างกายตลอดเวลา ก็อาจจะมีความอบอุ่นเพียงพอที่จะทำให้ไม่แข็งตายในยามค่ำคืนได้ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อทีมค้นหาพลิกผืนป่าจนพบ Karina Chikitova




ซึ่งพ่อแม่ถึงกับน้ำตาแตก ส่วน Karina Chikitova เล่าว่า เธอเอาชีวิตรอดจากป่าหฤโหดนี้ด้วยการกินผลเบอร์รี่ และดื่มน้ำจากแม่น้ำ ส่วนเตียงเธอก็ทำมันขึ้นมาเองจากหญ้าง่ายๆและทุกวันที่รอดจากความเหน็บหนาวได้ก็เพราะต้องกอดเอาความอบอุ่นจากสุนัขคู่กาย แต่แล้วหนูก็ตัดสินใจว่าควรส่งมันเพื่อเรียกคนมาช่วย ไม่งั้นเธออาจเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ได้


     ขอบอกเลยว่าข่าวนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นแล้วว่า เด็กรัสเซีย “แข็งแกร่งแค่ไหน” มันยังแสดงให้คนทั่วโลกได้เห็นอีกว่า ไม่ว่าจะเจอปัญหาที่มืดมนและดูไร้ทางออกสักเพียงไหน แต่ก็จงสู้ต่อไปจนกว่าจะถึงเฮือกสุดท้ายของชีวิต แล้วนั่นอาจทำให้เราได้พบกับความหวังในวินาทีสุดท้าย และจงจำไว้เสมอว่าแสงสว่างจะปรากฏต่อหน้าคนที่สู้ยิบตาเท่านั้น ส่วนคนถอดใจจะเห็นเพียงความมืดมน


วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557

2 แม่ลูกที่ไม่มีแขน แต่ก็มีความสุขมากกว่า





Linda Bannon และ Timmy ลูกชาย ซึ่งเป็น Holt–Oram syndrome ที่ทำให้ไม่มีแขนทั้งสองข้าง ทั้งสองอยู่กับครอบครัวอย่างปกติ โดยใช้เท้าแทนมือในการดำเนินชีวิตประจำวัน  และ Timmy ยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ และเทคววนโด ส่วน Linda ก็กำลังเรียนรู้การเป็นนักพูดที่พูดให้กำลังใจผู้คน นอกเหนือจากการเป็นครูอนุบาลอยู่ 

ดูคลิปเพิ่มเติม


วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Bigar Waterfall ม่านน้ำตกที่สวยที่สุด ในโรมาเนีย



         นักท่องเที่ยวหลายคนบุกป่าฝ่าดงบนหนทางยากลำบากเพียงเพื่อมาพบภาพวาด
ของธรรมชาติที่สวยงามกว่าภาพไหนๆ น้ำตกแห่งนี้มีชื่อว่า 
Izvorul Bigăr
(
ภาษาโรมาเนีย) หรือ Bigar Waterfall ค่ะ




 Izvorul Bigăr (ภาษาโรมาเนีย) หรือ Bigar Waterfallนี้  เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียง
มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นน้ำตกที่มีรูปแบบที่แปลกติดอันดับ
1 ใน 8 ของโลก ตั้งอยู่ที่เมือง Caraș-Severin ทางแถบตะวันตกของโรมาเนียค่ะ

                                    

และน้ำตกแห่งนี้ตกลงมาจากหน้าผาซึ่งถูกปกคลุมด้วยมอสเสมือนเป็นม่านธรรมชาติ 
หลายคนกล่าวกันว่าที่นี่เป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดในประเทศโรมาเนียค่ะ


นอกจากนี้ Izvorul Bigăr (ภาษาโรมาเนีย) หรือ Bigar Waterfallนี้ ยังมีลักษณะ
เป็นน้ำตกที่มีความสูงเกือบ 8 เมตร ดังนั้นจึงมีมอสปกคลุมทั่วหิน ทำให้ที่นี่เป็นน้ำตก
ที่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี


ภาพและข้อมูลจาก  http://travel.truelife.com/

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ภาพหายาก เงาภูเขาไฟฟูจิแห่งญี่ปุ่น



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายคริส บัวร์แมน ช่างภาพยุโรป สามารถบันทึกภาพน่าตื่นเต้นตาตื่นใจ เป็นภาพเงาของภูเขาไฟฟูจิชื่อดังของญี่ปุ่น ซึ่งมีความสูง 12,460 ฟุต โดยเงาได้ทอดยาวเป็นทางกว่า 15 ไมล์


รายงานระบุว่า ภาพดังกล่าวถูกบันทึกจากการเยือนภูเขาแห่งนี้เมื่อ 2 ปีก่อน ก่อนนำไปโพสต์เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อน ปรากฎว่าได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลกว่าเป็นภาพน่าทึ่งและน่าชื่นชมความพยายามในการถ่ายภาพนี้ โดยนายบัวร์แมนได้พยายามถึง 2 ครั้งในการถ่ายภาพในมุมพิเศษนี้ และภาพของเขาถือว่าโด่งดังมากเนื่องจากเป็นภาพหาดูได้ยาก เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะถ่ายภาพเงาภูเขาฟูจิ โดยไม่มีเมฆหรือหมอก มาบดบังเลย




ทั้งนี้ สำหรับภูเขาไฟฟูจิ เคยระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1707 และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวญี่ปุ่นเมื่อปี 2011ได้ทำให้ภูเขาไฟฟูจิอยู่ในภาวะอันตราย และสามารถที่จะปะทุระเบิดได้



ภาพจากอินเทอร์เนตและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ขุดพบโลงศพไม้ตะเคียนพร้อมโครงกระดูกคนโบราณ กลางบึงตะเคร็ง จ.พิษณุโลก


 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีการขุดพบโลงศพและกระดูกคนโบราณ ภายในบึงตะเคร็ง
ม.9 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณดังกล่าว
เป็นการขุดพื้นที่กักเก็บน้ำบึงตะเคร็ง ในโครงการบางระกำโมเดล พื้นที่หลายพันไร่
บริเวณบนถนนกลางบึง มีการสร้างศาลเพียงตาและนำสิ่งของที่ขุดพบมาตั้งเอาไว้
ซึ่งมีโลงศพไม้ตะเคียน จำนวน 5 โลง และมีเศษกระดูกของคนตายที่ฝังอยู่ในโลง
ศพอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีกระดูกฟันกราม ข้อกระดูก และกะโหลกศีรษะ และยังมีผู้คน
ที่เดินทางมาดูจุดธูปเทียนกราบไหว้กัน
นายเจือ ดิษดี อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/2 ม.1 ต.ปลักแรด อ บางระกำ จ.พิษณุโลก
บอกว่า ทราบว่ามีขุดโครงมนุษย์โบราณ จึงต้องมาดูคาดจะเป็นคนยุคเก่า เพราะโลง
ที่ใส่นั้น ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า ”ละแม” ลักษณะเหมือนขวานด้ามสั้นๆ ขุดท่อนไม้ให้
เป็นโพรง เพื่อใส่หลุมฝัง คาดว่าน่าจะเป็นร่างคนไทยเชื้อสายจีน เนื่องจากประเพณี
ดั่งเดิมนิยมฝังคนตายมากกว่าเผาที่วัด ส่วนศพหรือเศษกระดูที่พบ โดยเฉพาะกราม
ก็มั่นใจว่า เป็นคนโบราณ เพราะกรามใหญ่กว่าปกติคนในปัจจุบันนี้ แทบไม่น่าเชื่อ
ฟันกรามยังมีสภาพดีอยู่

นายสมหมาย พาสี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่บึงเก่าแก่ขนาดใหญ่
แต่ก่อนมีอยู่ประมาณ 3,000 กว่าไร่ ปัจจุบันเหลือเพียง 2,075 ไร่ ทางรัฐบาลที่ผ่านมา
ได้จัดงบขุดเป็นที่กักเก็บน้ำ ในโครงการบางระกำโมเดล และขุดลึกลงไปหลาย 10 เมตร
ส่วนการขุดพบโลงศพไม้ตะเคียนยุคเก่านั้น ครั้งแรกขุดพบช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2556
จำนวน 3 โลง ทางตนและผู้รับเหมาได้มาร่วมทำศาลเพียงตาให้ ซึ่งโลงศพไม้ตะเคียน
ดังกล่าวยังมีสภาพที่สมบูรณ์ กระทั่งเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ทางคนงานที่ขับรถ
แม๊กโฮได้ขุดพบอีก 2 โลง พร้อมกับมีกระดูคนอยู่ภายในด้วย สภาพกระดูกบางส่วน
ยังสมบูรณ์ โดยเฉพาะกรามมีฟันเห็นชัดเจน จึงได้นำมาเก็บเอาไว้บริเวณที่เดียวกัน

ภาพและข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/

ตะลึง!!ทะเลสาบโผล่กลางทะเลทรายตูนิเซียอย่างฉับพลัน



ไทม์ออฟอินเดีย - ทะเลสาบลึกลับปรากฏขึ้นมาอย่างปริศนาในทะเลทรายของประเทศตูนิเซีย แปรเปลี่ยนผืนแผ่นดินที่อ้างว้างกลายเป็นชายหาดอย่างฉับพลันภายในชาติที่ถูกครอบงำด้วยภาวะภัยแล้ง พร้อมกันนั้นยังดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายร้อยคน แม้มีคำเตือนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการปนเปื้อนสารพิษก็ตาม

       


       ทะเลสาบแห่งนี้ถูกพบโดยคนเลี้ยงแกะทะเลทรายเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน และจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้ว่าทะเลสาบที่ได้รับการตั้งชื่อว่า "กัฟซา บีช(Gafsa Beach)"โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลันได้อย่างไร

       
       ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ระบุว่าทะเลสาบแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 6.25 ไร่ มีความลึกระหว่าง 10 ถึง 18 เมตร ดังนั้นจึงคาดหมายว่าปริมาณน้ำในทะเลสาบน่าจะอยู่ราวๆ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร





เจ้าหน้าที่เตือนว่าน้ำในทะเลสาบ ที่ตอนแรกมีสีน้ำเงินคริสตัล ทว่าจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวขุ่นและมีสาหร่ายปรากฎขึ้นมา อาจปนเปื้อนสารพิษที่ทำให้เกิดมะเร็ง แต่ชาวตูนิเซียจำนวนมากก็ไม่สามารถต้านทานสภาพอากาศที่ร้อนระอุกว่า 40 องศาเซลเซียสได้
       

       เชื่อว่ามีประชาชนแล้วมากกว่า 600 คนที่หลั่งไหลมายังทะเลสาบแห่งนี้ ที่ชาวบ้านเรียกว่า "Lac de Gafsa" ทั้งพายเรือเล่น ดำน้ำ กระโดดน้ำลงจากโขดหินและนั่งเล่นริมฝั่ง "บางคนเรียกมันว่าสิ่งอัศจรรย์ แต่บางคนก็บอกว่ามันคือคำสาป" ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งบอก
       

       ยังไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการว่าทะเลสาบแห่งนี้มีต้นตอจากอะไร แต่นักธรณีวิทยาเชื่อว่าการเคลื่อนตัวของแผ่นดิน ก่อความปั่นป่วนแก่เส้นระดับน้ำใต้ดิน ทำให้น้ำใต้ดินถูกยกขึ้นสู่พื้นผิว อย่างไรก็ตามก็มีอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้




เจ้าหน้าที่ยังไม่มีคำสั่งห้ามเล่นน้ำอย่างเป็นทางการ แต่สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของกัฟซา เตือนชาวตูนิเซียว่าน้ำอาจปนเปื้อนหรือแม้กระทั่งมีสารกัมมันตรังสี
       

       "ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสเฟตที่สะสมอยู่ ซึ่งกากตะกอนเหล่านี้บางครั้งก็มีสารกัมมันตรังสีระดับสูง" เจ้าหน้าที่กล่าว "ดังนั้นน้ำจึงมีความเสี่ยงปนเปื้อนและมีสารก่อให้เกิดมะเร็ง"

       
       อนึ่งเมืองกัฟซา ตั้งอยู่ภาคกลางของตูนีเซียและเป็นแหล่งอุตสากรรมเหมืองของประเทศ




ภาพจาก http://www.youtube.com/และข้อมูลจาก  http://www.manager.co.th/


ดูคลิปเพิ่มเติม












วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

นาทีเฉียดตาย

เป็นการรวมภาพนาทีเฉียดตายที่น่าสนใจ

ภาพที่ 1 แค่เดินเร็วเสี้ยวของนาทีที่เดินผ่าน ป้ายขนาดใหญ่ก็ตกลงมาตามหลัง
ถ้าเดินช้ากว่านี้นิดเดียว นึกภาพที่เกิดแล้วหวาดเสียว


ภาพที่ 2 แค่อยากเล่น บันจี้จั้มพ์หนุกๆ ไม่ได้อยากเป็นอาหารของจรเข้สักหน่อย



ภาพที่ 3 นักเบสบอลคนนี้ ตีลูกครั้งนี้ไม่มีเป้าหมายเลย ดูซิคนหลบลูกบอลกันให้วุ่น


 
ภาพที่ 4  ป้าขอบคุณเสาต้นนี้มากที่ทำให้ป้ามีชีวิตรอดมาถึงวันนี้



ภาพที่ 5 อ้าว! เจ้าฉลามตัวนี้ มาแย่งซีนเค้าทำไม เค้าจะถ่ายรูปกัน



ภาพที่  6  เดินช้าอีกนิด สาวคนนี้โดนต้นไม้ล้มทับ อาจตายทั้งยืนได้เลย 

 



ภาพที่ 7  ใครกันแน่ที่เป็นนักซิ่งตัวจริง ซิ่งแล้วรอด  



ภาพที่ 8  นี่ก็นักซิ่งตัวจริงกลางทะเล  รอดแบบเฉียดฉิวจริงๆ



ดูคลิปเพิ่มเติมค่ะ



ภาพจาก 

ตะลึง เมื่อนักท่องเทียวเผชิญฝูงโลมาบนชายหาด






 เมื่อ Gerd Traue ไปเที่ยวที่ Arraial do Cabo (Brazil) และได้พบว่า อยู่ๆก็มีฝูงโลมา
ประมาณ 30 ตัวว่ายตรงมายังชายหาดและถูกคลื่นซัดขึ้นมาบนชายหาดโดยไม่ทราบ
สาเหตุ  บางกระแสบอกว่าน่าจะถูกโซน่าของทหารเรือรบกวน

เมื่อคนท้องถิ่นเห็นพวกเขา (เสื้อสีส้ม) รีบลงมาที่ชายหาด และช่วยกันจับหางของ
โลมาเพื่อลากลงทะเล




 

เมื่อนักท่องเที่ยวเห็นเหตุการณ์จึงรีบมาช่วยกันดึงโลมาลงน้ำกัน












และในที่สุดฝูงโลมาก็ได้รับการช่วยเหลือลงทะเลไปอย่างปลอดภัยทั้งฝูง 








ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจของการไปเที่ยวทะเลครั้งนี้ของ Gerd Traue 


การช่วยเหลือครั้งนี้ ถ้าปลาโลมาพูดได้ คงบอกว่า "ขอบคุณนะ ที่ช่วยให้พวกเรารอดตาย
จากการเกยหาดครั้งนี้"




ดูคลิป







ภาพจาก  http://www.youtube.com/