วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตุ๊กกายสายพันธุ์ใหม่ของโลก




ศูนย์จัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สวนสัตว์นครราชสีมา จ.นครราชสีมา นายกีรติ กันยา นักวิทยาศาสตร์สวนสัตว์ 6 หัวหน้างานสัตว์เลื้อยคลานฯ ได้นำตุ๊กกายประดับดาว ตุ๊กกายท้าวแสนปม และตุ๊กกายหมอบุญส่ง ซึ่งถูกค้นพบเป็นชนิดใหม่ของโลก มาจัดแสดงเพื่อให้ความรู้ และสร้างสีสันความแปลกใหม่  ต้อนรับประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ท่ามกลางประชาชนที่สนใจนำบุตรหลานเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก
นายกีรติ เปิดเผยว่า จากการค้นพบโดยคณะทีมวิจัยที่ได้ร่วมกันใช้เวลากว่า 5 ปี ในการศึกษาค้นคว้า สำรวจค้นหาสัตว์ในกลุ่มตุ๊กกายลายพาด ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย และบริเวณพื้นที่ติดกับภาคเหนือของประเทศมาเลเซีย ได้แก่ ตุ๊กกายประดับดาว เป็นตุ๊กกายขนาดใหญ่ ตัวสีน้ำตาล อมเหลือง มีเกร็ดตุ่มยอดมนบริเวณหลัง มีลายจางๆ พาดจากปลายจมูกจนถึงตา บริเวณต้นคอมีลาย 4 แถบ พาดไปกับลำตัวจนถึงโคนขาหลัง มีจุดขาว หรือจุดสีเหลือง กระจายทั่วทั้งแถบ มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มดาวบนท้องฟ้า มีถิ่นอาศัยในพื้นที่เขาหินปูนในป่าดิบชื้น และบนเกาะในเขตช่องแคบมะระกา กระจายพันธุ์อยู่ในพื้นที่ จ.สตูล เกาะตะรุเตา และตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย
 
ตุ๊กกายท้าวแสนปม ลักษณะเด่นมีหัวขนาดใหญ่ ลำตัวหนา มีเกล็ดเป็นตุ่มขนาดใหญ่กระจายทั่วตัว พบหากินตามต้นไม้ขนาดใหญ่ พื้นที่บริเวณหินแกรนิตขนาดใหญ่ในป่าดิบชื้น ป่าทดแทน และสวนยางพาราที่มีความชื้นสูง ขุดดินเป็นรูทำรัง หากินเวลากลางคืน กระจายพันธุ์อยู่ในพื้นที่ จ.ตรัง สงขลา พัทลุง นราธิวาส เกาะอาดัง ราวี  จ.สตูล และหมู่เกาะในเขตช่องแคบมะระกา  ส่วนตุ๊กกายหมอบุญส่ง ลักษณะเด่นมีตัวสีน้ำตาลอมเหลือง มีลายสีน้ำตาลเข้มคาดระหว่างไหล่ถึงโคนขาหลัง จำนวน 4 -6 แถบ มีจุดขาวเรียงตามขอบแถบ มีเกร็ดตุ่มบริเวณหลังขนาดใหญ่ ถิ่นอาศัยบริเวณเขาหินปูนในป่าดิบชื้น กระจายพันธุ์ในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลางของประเทศไทย ตามแนวเทือกเขาในจ.นครศรีธรรมราช และจ.สตูล..
ภาพและข้อมูลจาก   http://www.dailynews.co.th

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตะลึง....พระพุทธรูปเก่าแก่ที่เชียงใหม่ใส่เนตรแล้วยิ้ม


          นายอำเภอสันกำแพงนำพระเนตรมาใส่ให้กับองค์พระปูนปั้นอายุกว่า 200 ปีที่วัดป่าดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ แต่เกิดปาฏิหาริย์ องค์พระเกิดรอยยิ้มขึ้นเหมือนดีใจที่ได้พระเนตรกลับคืนมา ชาวบ้านศรัทธาต่างไปกราบไหว้

              วันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2555) ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า นายโชคดี อมรวัฒน์ นายอำเภอสันกำแพง ได้พาคณะหัวหน้าส่วนของราชการ ผู้นำท้องถิ่น ไปทำบุญเบิกเนตรพระพุทธรูปเก่าแก่ในกุฏิหลังเล็ก ๆ  ที่วัดป่าดอนมูล ตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
               
              โดยแต่เดิมพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว เป็นพระปูนปั้นอายุนานกว่า 200 ปี  ไม่มีองค์พระเนตร หรือดวงตา ดังนั้น นายอำเภอสันกำแพงจึงได้สั่งให้นายช่างของหมู่บ้านไปหาพระเนตร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พระอธิการสุรพล วิวัฒนธโน เจ้าอาวาสวัดป่าแดงบ้านสันขวาง บอกว่ามีพระเนตรพระพุทธรูปเป็นนิลสีดำ 2 ข้างพอดี จึงได้ให้ช่างลองนำพระเนตรมาใส่พระพุทธรูปองค์ที่วัดป่าดอนมูล แต่เมื่อจะนำออกก็พบว่าไม่สามารถแกะออกได้ นายอำเภอสันกำแพงจึงได้นำดวงเนตรอีกข้างมาใส่ให้ และพอดีตาทั้งสองข้างติดอยู่กับองค์พระโดยไม่ต้องใช้กาวหรือปูนมาติด และหลังจากที่ทำพิธีเบิกเนตรองค์พระแล้วกลับพบว่า ใบหน้าขององค์พระมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ปากขององค์พระมีรอยยิ้มขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้แต่งแต้มสี เหมือนกับดีใจที่ได้ดวงเนตรกลับคืนมา ชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าเป็นปาฎิหาริย์ สร้างความดีอกดีใจ และเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก

ภาพและข้อมูลจาก  http://hilight.kapook.com


พบรอยเท้ามนุษย์โบราณชัดๆ ที่ภูหินร่องกล้า



รายงานข่าวแจ้ง คณะทัวร์ป่าหน้าฝนของ อุทยานภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เดินทางสำรวจท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้พบกับรอยเท้าบนหินก้อนใหญ่ ตามเส้นทางไปลานหินปุ่ม ตรงข้ามกับสะพานมรณะ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบ







ทั้งนี้ รอยเท้าดังกล่าวเป็นข้างขวาข้างเดียว มีนิ้วเท้าครบทั้ง 5 นิ้ว มีสภาพที่สมบูรณ์ คาดว่าเป็นรอยเท้าของผู้หญิง เพราะมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับเท้าของเจ้าหน้าที่ผู้ชาย ฝังอยู่ในก้อนหินของป่าต้นน้ำขนาดใหญ่ความกว้างประมาณ 5 เมตร ที่มีลำธารสายเล็ก ๆ ไหลผ่านรอยเท้าโบราณ

          จนท.สำนักศิลปากร เข้าตรวจสอบรอยเท้าบนก้อนหินพบในอช.ภูหินร่องกล้า ยืนยันเป็นรอยเท้ามนุษย์ สภาพสมบูรณ์ เก็บตัวอย่างชั้นหินในบริเวณนั้นตรวจสอบ

          น.ส.รัตติยา ไชยวงศ์ นักโบราญคดี สำนักโบราญคดี สำนักศิลปากรที่ 6 จ.สุโขทัย เดินเท้าเข้าไปพิสูจน์ร้อยเท้ามนุษย์โบราณกลางป่าลึกเขตพื้นที่อุทยานภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หลังคณะของนายไพรัช มณีงาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พบรอยเท้ามนุษย์ 1 รอย เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมแจ้งไปยังสำนักโบราญคดี สำนักศิลปกรที่ 6 จ.สุโขทัย กระทั่งส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมพิสูจน์พร้อมจนท.กรมอุทยาน

          นางสาวรัตติยา ไชยวงศ์ ได้เก็บหลักฐานต่าง ๆ ภายในจุดที่ค้นพบรอยเท้ามนุษย์ และนำหลักฐานทางธรณีวิทยาบางอย่างกลับไปทำการตรวจสอบร่วมกับทางคณะอาจารย์ฝ่ายธรณีวิทยา แต่ยืนยันแน่นอน 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นร่องรอยเท้ามนุษย์ จะประสานขอผู้เชี่ยวชาญด้านนักบรรพชีวินวิทยา ซึ่งจะมีความชำนาญพิเศษด้านเกี่ยวกับหลักฐานร่องรอยต่าง ๆ ของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ ทำการสืบค้นความเป็นมาของพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าว่าอยู่ในช่วงใด เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับซากฟอสซิลมาแล้วครั้งหนึ่ง 

         ก็คงต้องรอดูผลกันต่อไปว่า ของจริงหรือเปล่า  ถ้าจริงมีอายุประมาณเท่าใด  รอฟังผลอยู่นะ

        แต่ของฝรั่งน่าจะเจ๋งกว่านะ  Footprints on the rock  ที่  Mpumalanga ในSouth Africa
  

 รอยเท้าอะไรจะใหญ่ขนาดนี้  งานนี้มีคลิปให้ดูด้วย  รอยเท้านี้พบโดยนายพรานชื่อ   Stoffel Coetzee 
พบขณะที่เขาเข้าไปล่าสัตว์  ในปี 1912 สมัยนั้นเข้าไปลำบากมากเพราะ อยู่ในป่าลึกมาก  ดูคลิปเลยดีกว่านะ




 


ข้อมูลและภาพจาก  http://www.phitsanulokhotnews.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หมาช่วยเด็ก


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวฮือฮาที่เกิดขึ้นที่ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อแม่สุนัขใจบุญช่วยชีวิตทารกเพศชาย
ที่ถูกแม่วัย 14 ปี นำมาทิ้งไว้กลางกองขยะท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บทำให้ทารกรายนี้รอด ชีวิตมาได้ โดยสื่ออาร์เจนตินาตั้งชื่อให้ทารกว่า "เจ้าหนูมหัศจรรย์"

นายฟาบิโอ อองเซ่ ชาวนาในย่านลา พลาตา ทางใต้ของกรุงบัวโนสไอเรส เจ้าของสุนัข กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงเด็กร้องเมื่อค้นหาจึงพบเด็กในกล่องไม้เก่าๆ ซึ่งเป็นลังของแม่สุนัข วัย 8 ปี โดยเด็กมีผ้าขี้ริ้วคลุมลำตัวนอนรวมกับลูกสุนัข แม่สุนัขตัวนี้มีชื่อว่า ลาชิน่า ตนโทรศัพท์แจ้งตำรวจเพื่อนำทารกส่งโรงพยาบาล

ด้าน เอกิดิโอ มีเลีย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมลเคอร์ โรเมโร กล่าวว่า ทารกเพิ่งคลอดมีอายุไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แม้คลอดก่อนกำหนด โดยมีน้ำหนักตัวถึง 4,000 กรัม ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำบ้าง แต่ไม่มีรอยกัดสักแห่ง ภายหลังข่าวดังกล่าวโด่งดังขึ้นมา แม่ของทารกได้ออกมาแสดงตัว โดยเป็นเพียงเด็กสาว อายุ 14 ปี เล่าว่า คลอดลูกในตอนกลางคืนในจุดที่ทิ้งทารก ด้วยความตกใจกลัว และไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กได้จึงทิ้งลูกไว้ โดยจุดที่ทิ้งทารกอยู่ในพงหญ้าท่ามกลางกล่องไม้และกองขยะ อยู่ห่างจากจุดที่ชาวนาพบทารก 50 เมตร ตำรวจสันนิษฐานว่า แม่สุนัขลาชิน่า คงจะไปพบและคาบนำทารกมานอนรวมกับลูกๆ ของมันที่เพิ่งลืมตาดูโลกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เจ้าลาชิน่า แม่สุนัขใจบุญกลายเป็นฮีโร่ที่ชาวเมืองชื่นชมมาก มีคนมาเยี่ยมดูมันจำนวนมาก แต่เจ้าของระบุว่า การที่มีคนมาดูเจ้าลาชิน่ามากๆ ทำให้มันตื่นกลัว ไม่ยอมกินอะไร เพราะกลัวว่าจะมีใครเอาลูกมันไป 

(ภาพและข้อมูลจาก http://xfile.mwake.net)

มะนาวยักษ์



ฮือฮาไปทั้งอำเภอ ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี เพราะมีคนปลูกมะนาวยักษ์ ผลเท่าลูกส้มโอ
น้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม 


เรื่องนี้เป็นฝีมือของชาวบ้าน บ้านวังหว้า เป็นของกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านดอนลาน มีนางพวงทอง เขื่อนใหญ่ อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 2 ตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ เป็นเจ้าของสวนเจ้า และเป็นประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ นางพวงทองนำมะนาวยักษ์ออกมาโชว์ ซึ่งลูกใหญ่เกือบเท่าส้มโอ จากนั้นเผยว่า ได้พันธ์มะนาวมาจากพี่ชายสามีที่รับราชการเป็นตำรวจที่สภ.อ.เมืองสุพรรณบุรี เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาจำนวน 2 กิ่ง กิ่งแรกให้น้องชายไปปลูกที่อ.ด่านช้าง อีกกิ่งก็ปลูกอยู่ข้างขอบบ่อน้ำมีต้นท่วมหัวสูงประมาณ 1.80 เมตร ที่บ้านตน แต่ชื่อพันธุ์นั้นไม่รู้ชื่อแน่นอน รู้เพียงอย่างเดียวว่าเป็นมะนาวที่มีผลใหญ่เท่ากับผลส้มโอ เคยมีผลใหญ่สุดประมาณกว่า 1กิโลกรัม

"ได้มะนาวต้นนี้มาจากการผสมพันธุ์ระหว่างส้มโอขาวใหญ่กับมะนาวพันธุ์แป้นพวง ที่มีการนำข้อดีอย่างไม่มีเมล็ดของส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ และผลดกผิวสวยของแป้นพวงมาผสมกัน จนได้ส้มนาวที่ชาวบ้านเรียกกัน จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเริ่มออกผลผลิต ซึ่งเป็นที่ฮือฮามากแก่ผู้พบเห็นแต่เมื่อนำผลไปเสนอขายชาวบ้านก็งงและไม่มี ใครกล้าซื้อ จึงมีการแจกจ่ายให้ชาวบ้านทดลองนำไปชิมก่อนจนชาวบ้านติดใจรสชาติเพราะมีน้ำ มากไม่มีเมล็ดและเหมือนมะนาวทุกอย่าง จนชาวบ้านยังพูดกันติดตลกว่ามะนาวยักษ์หรือส้มนาว"

นางพวงทองกล่าวด้วยว่า ถ้าใช้มะนาวยักษ์ไปตำน้ำพริกคงกินได้ทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว และล่าสุดมีชาวบ้านเขามาติดต่อขอแบ่งกิ่งพันธุ์ไปปลูกเพื่อขยายพันธุ์บ้าง แล้วแต่ยังอยู่ระหว่างการขยายพันธุ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อมาการจัดงานสัมมนาหรืออบรมกลุ่มเกษตรกรก็จะใช้ส้มนาวไป ทำส่วนผสมอาหารตลอดจนผู้ที่ได้ลิ้มลองติดตามมาขอซื้อกิ่งพันธุ์และดูต้นของ จริงกันมาแล้วหลายรายและมีการทดสอบกันทั่วหมู่บ้าน

"บางคนอาจคิดว่ามะนาวที่เห็นเป็นมะนาวควายที่มีอยู่ในสมัยก่อนนั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่มะนาวควาย เพราะมะนาวควายจะมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนส้มนาว จะเหมือนส้มซ่าที่ชาวบ้านสมัยก่อนๆ รู้จักกันเป็นอย่างดีแถมมีหนามแหลมยาวคล้ายกับมะกรูดอีกด้วย สำหรับส้มนาวปลูกง่ายและไม่ต้องดูแลเพียงรดน้ำเพียงอย่างเดียวแต่ที่บ้าน ปลูกไว้ริมสระน้ำเลยตัดปัญหาเรื่องของการรดน้ำไปได้บางส่วน" 

(ภาพและข้อมูลจาก http://xfile.mwake.net/)

เงินค่าไฟฟ้าบ้าน 90 ล้านปอนด์


คุณแม่ลูกสองเมืองผู้ดีอึ้ง เจอบิลเรียกเก็บเงินค่าไฟ 90 ล้านปอนด์ ด้านบริษัทไฟฟ้ายอมรับพลาดเอง
เด ลี่ มิเร่อร์ รายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ว่า นางอลิซัน คุณแม่ลูกสอง วัย 50 ปี แห่งเมืองเคมบริดจ์ ต้องช็อคตะลึงหลังพบว่าเธอถูกบริษัทไฟฟ้าเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าเป็นจำนวนถึง 90 ล้านปอนด์ หรือคำนวณแล้วเท่ากับเป็นการใช้ไฟฟ้าถึง 1,900 ปี โดยเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกช็อคกับบิลดังกล่าวจนพูดอะไรไม่ออก และคิดว่าแม้จะรู้ว่า ค่าไฟฟ้าเพิ่งขึ้นเมื่อเร็ว ๆนี้ และค่าไฟขนาดนี้เป็นเรื่องตลกมาก ๆ 
รายงาน กล่าวว่า ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว เอ็นพาวเว่อร์ บริษัทผู้จ่ายไฟฟ้าประจำเมืองแคมบริดจ์ ได้ยกเลิกบิลดังกล่าว พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ยอมรับผิด และพร้อมที่จะตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว 

(ข้อมูลจาก http://xfile.mwake.net)

ห้องน้ำตอไม้

ภาพจาก http://xfile.mwake.net/


ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มี เรื่องแปลก แปลก พิสดาร มาก โดย มีการทำ ห้องน้ำ คล้าย ตอไม้ ขนาดใหญ่ จนกลายเป็น จุดแวะพักรถ ที่ได้รับ ความนิยม

ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่าน อ.สีคี้ว นครราชสีมา ได้สร้างจุดขายมัดใจลูกค้าด้วยการทำห้องน้ำเป็นรูปคล้ายกับตอไม้ขนาดใหญ่ และดูแลความสะอาดภายในอย่างดี จนต่อมากลายเป็นจุดแวะพักรถอีกแห่งหนึ่งที่ผู้คนผ่านไปมาอยากเลี้ยวรถเข้าไป ใช้บริการ

ภาพจาก http://www.learners.in.th

ข้อมูลจาก  http://xfile.mwake.net/ 

ภูมิใจเกิดมามี 12 นิ้วมือ 14 นิ้วเท้า

ฮารัม อาโชค กัมเธการ์ หนุ่มอินเดียซึ่งภูมิใจในตัวเอง แม้จะเป็นความผิดปกติทางร่างกายก็ตาม

       อนาโนวา - หนุ่มอินเดียนายหนึ่งเกิดมามีนิ้วมือ 12 นิ้ว และนิ้วเท้า 14 นิ้ว ซึ่งน่าจะทำให้เขาได้รับการบันทึกลงหนังสือสถิติโลกหลายเล่ม
       
       ฮารัม อาโชค กัมเธการ์ หนุ่มนักเรียนบริหาร วัย 24 ปี ภาคภูมิใจในตัวเอง แม้จะเกิดมาผิดปกติ มีนิ้วมือข้างละ 6 นิ้ว และนิ้วเท้าข้างละ 7 นิ้ว
       
       นั่นหมายถึงว่าเขาเป็นผู้ครองสถิติคนที่มีจำนวนนิ้วมือ และนิ้วเทามากที่สุด และยังมีชีวิตอยู่ อย่างไม่เป็นทางการ
       
       อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รับการบันทึกลงหนังสือกินเนส เวิล์ด เรคคอร์ด ซึ่งเทเวนตรา ฮาร์น เพื่อนร่วมชาติของเขา ซึ่งมี 12 นิ้วมือ 13 นิ้วเท้า ครองตำแหน่งดังกล่าวอยู่
       
       ฮารัมไม่ได้ถูกบันทึกเป็นสถิติโลกอย่างเป็นทางการ เนื่องจากทางทฤษฎีแล้ว นิ้วบางนิ้วของเขาติดกัน จึงไม่จัดว่าเป็นนิ้วอีกนิ้วหนึ่ง
       
       ทว่า เขาก็ได้รับการยอมรับในหนังสือลิมคา บุค ออฟ เรคอร์ดส์ของอินเดีย ซึ่งเทียบเท่ากับกินเนส บุค ออฟ เวิล์ด เรคคอร์ดส์ ให้ครองตำแหน่งคนที่นิ้วมากที่สุด
       
       นิ้วที่งอกเกินออกมาของฮารัมนั้นมีสาเหตุมาจากอาการที่ทางการแพทย์เรียกว่า polydactyly ซึ่งมาจากภาษากรีก หมายถึง "หลายนิ้ว"
       
       แม้นิ้วพิเศษของฮารัมจะมีกระดูกแยกต่างหาก แต่นิ้วเหล่านั้นกลับไม่มีปลายประสาท และเขาก็ไม่สามารถขยับ หรือรู้สึกถึงนิ้วนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่เลย
       
       และขณะที่เขารู้สึกภูมิใจกับนิ้วส่วนเกินของเขา ฮารัมก็ยังยอมรับว่าบางเวลานิ้วเหล่านั้นก็สร้างความหงุดหงิดใจให้เขาเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเวลาหารองเท้า หรือถุงมือสวมใส่ (ข่าวจากผู้จัดการออนไลน์)

แม่ไก่ใจดีช่วยเลี้ยงลูกหมา

แม่ไก่เมเบิลนอนกกลูกหมาเสมือนเป็นลูกของตัวเอง

  แม่ไก่ตัวหนึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าของ ด้วยการโอบลูกสุนัขตัวน้อยๆ ครอกหนึ่งไว้ในอ้อมปีกของตัวมันเอง บนที่นอนตระกร้าหวายเพื่อให้ความอบอุ่น
       
       เอ็ดเวิร์ด และ รอส เทต แห่งเมืองชรูว์สเบอรี ผู้เป็นเจ้าของทั้งสุนัขและไก่ เผยว่า แม่ไก่เมเบิลตัวนี้ เฝ้ารอจนกระทั่งเจ้าเน็ตเทิล แม่ของลูกสุนัขทิ้งลูกๆ ออกไปเดินเล่นกินข้าว ก่อนจะกระโดดเข้าไปในตระกร้าหวาย ที่ลูกๆ สุนัขนอนอยู่
       
       มิสเตอร์เทต วัย 43 ปี เล่าว่า “เรารู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเราเห็นครั้งแรก โดยลูกสาววัย 13 ปีของเราเห็นก่อนใคร และเรียกพวกเรามาดู และเมื่อเราเห็นเจ้าเมเบิลนอนกกลูกหมาเหล่านั้น เราก็ได้แต่หัวเราะ”
       
       ส่วนเจ้าเน็ตเทิลก็คงแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร และเหมือนว่าจะมีความสุขด้วยซ้ำที่มีผู้ช่วยเลี้ยงลูกๆ ของมัน มิสเตอร์เท็ต กล่าว
       
       “เราก็หวังว่า ไม่ช้า เมเบิล จะมีลูกของตัวเองให้ดูแล แต่ผมไม่คิดว่าเจ้าเน็ตเทิลมันจะตอบแทนความช่วยเหลือของเมเบิลแน่” เขาเสริม
       
       นอกจากนี้ เขายังเล่าว่า เจ้าเมเบิลฟักตัวออกมาเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วเธอจะต้องกลายเป็นอาหารมื้อค่ำไปแล้ว แต่พวกเขาช่วยชีวิตเธอไว้ และนำกลับมาเลี้ยงที่บ้าน
       
       มิสเตอร์เท็ต เสริมว่า เมื่อลูกหมาคลอดออกมาเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าเมเบิลก็คอยสังเกตพฤติกรรมของเจ้าเน็ตเทิล และเมื่อมันมีโอกาส มันก็จะกระโดดเข้าไปในตระกร้าหมาเพื่อกกลูกหมาตัวน้อยๆ โดยช่วยให้พวกมัน และตัวเองอุ่น ขณะที่เจ้าเน็ตเทิลออกไปวิ่งเล่นในสวนนอกบ้าน (จากผู้จัดการออนไลน์)

อีกเรื่องจากประเทศจีน  

ข่าว "รักต่างสายพันธุ์" ชิ้นนี้ได้มาจากปากคำของ นายเกา เฟิงหยิง ชาวบ้านเมืองเจี่ยซาน แดนมังกรจีน
          นายเกา เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า อาทิตย์ก่อนแม่หมาสุดเลิฟออกลูกมา 2 ตัว แล้วก็สิ้นลม...

          ตอนแรกนึกว่าลูกหมาจะไม่รอดซะแล้ว เพราะขาดแม่ แต่ปรากฏว่า "แม่ไก่" ที่เลี้ยงไว้ในบ้านเข้าทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองดูแลเจ้าหมาน้อยแทนเป็นอย่างดี!

          "แม่ไก่มันเป็นเพื่อนกับแม่หมาอยู่ด้วยกันมา 2 ปี คืนแรกหลังจากแม่หมาตายผมวิ่งหาลูกหมาแทบตายไม่รู้ว่าหายไปไหน สุดท้ายไปเจอว่าแม่ไก่เอาพวกมันไปนอนกกให้ความอบอุ่น และเวลาหมาตัวอื่นๆ จะมาทำร้าย แม่ไก่ก็จะช่วยสู้แทน" นายเกา บอก  (จากข่าวสด)


โค้ชทีมชาติอายุน้อยสุดในโลก





เมื่อปี 2009 หนังสือพิมพ์ เดอะ เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานว่า พอล วัตสัน นักฟุตบอลสมัครเล่น อายุเพียง 25 ปีชาวอังกฤษ สร้างสถิติเป็นโค้ชฟุตบอลที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกที่ได้รับงานคุมทีมชาติ โดยเข้ารับตำแหน่งคุมทีมเกาะปอห์นเปอี ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆในมหาสมุทรแปซิฟิก

         เกาะปอห์นเปอี มีประชากรเพียง 34,000 คน ทั้งนี้ทีมชาติปอห์นเปอี ไม่เคยได้รับชัยชนะในการแข่งขันระดับชาติ ครั้งที่เข้าใกล้ชัยชนะมากที่สุดคือแพ้การดวลจุดโทษเกาะแยพ 4-5 และเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งถูกเกาะกวมถล่ม 16-1 แต่พอล วัตสัน และ แมทธิว คอนราร์ด เพื่อนของเขา ที่เป็นผู้ช่วยเชื่อว่าจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับทีมปอห์นเปอีทั้งคู่เป็นชาวลอนดอน เขารับงานนี้โดยไม่มีค่าจ้าง และจะเริ่มฝึกสอนนักเตะทีมชาติปอห์นเปอีตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2009 เพื่อเตรียมทีมลงเตะกระชับมิตรหลายนัดในต้นปี2010

          วัตสัน บอกว่า เขาสนใจรับงานนี้หลังจากได้ข่าวว่าทีมปอห์นเปอีไม่มีโค้ชและกำลังมองหาโค้ช นักเตะของทีมปอห์นเปอีมีพรสวรรค์มาก แม้พวกเขาไม่เคยคว้าชัยชนะได้เลยทำให้เป็นทีมชาติที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดในโลก แต่ชัยชนะก็ใกล้เข้ามาแล้ว และการฝึกซ้อมจะปรับปรุงผลการแข่งขันให้ดีขึ้นวัตสัน รู้สึกทึ่งกับความมุ่งมั่นของนักเตะทีมชาติปอห์นเปอี มีนักเตะคนหนึ่งเดินด้วยเท้าเปล่า 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อมาฝึกซ้อม ความมุ่งมั่นเช่นนี้ทำให้เขาต้องการเข้ามาช่วยเหลือ และกำลังขอผู้สนับสนุนให้บริจาค รองเท้า และชุดนักกีฬาให้นักเตะเหล่านี้ได้สวมใส่ลงแข่งขัน