แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ค้างคาว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ค้างคาว แสดงบทความทั้งหมด
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ชาวบ้านฮือฮา! พบ "ค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ" สีสันสวยงาม
เพชรบุรี - ชาวบ้านตำบลเขากระปุก เพชรบุรี ฮือฮา! พบค้างคาวประหลาด
มีสีสันแปลกตาสวยงามติดที่หน้ากระจังรถกระบะ แต่เสียชีวิตแล้ว ตรวจสอบ
พบ เป็น "ค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ" หรือ "ค้างคาวสี" ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
วันนี้ (16 ต.ค.2557) นายปรีชา บุตรรอด อายุ 50 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4
.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้พบค้างคาวตัวหนึ่งมีลักษณะ
ประหลาดติดมากับรถของตนเอง หลังจากที่ตนขับรถกลับจากออกไปทำธุระนอกบ้าน
หลังจากนำรถกระบะนิสสัน บิ๊กเอ็ม สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บธ 7346 เพชรบุรี
เข้ามาจอดที่บ้านแล้วสังเกตเห็นว่าบริเวณหน้ากระจังรถยนต์ของตนมีอะไรติดอยู่
จึงเดินเข้าไปดู และพบว่าเป็นค้างคาวตัวเล็ก ที่มีสีสันแปลกตา สวยงามมาก
ติดอยู่ที่บริเวณหน้ากระจังรถ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ค้างคาวตัวดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว
จากการตรวจสอบค้างคาวตัวดังกล่าวพบว่าไม่เหมือนค้างคาวโดยทั่วไป
ที่ตนเคยพบเห็นมี โดยตัวนี้มีสีสันแปลกตา สวยงามมาก โดยลำตัวด้านหลังมีสีส้มทอง
ปีกเป็นสีส้มทองสลับสีดำ ส่วนด้านหน้าบริเวณอกเป็นสีส้มอ่อนปนขาว มีขนปุกปุย
ปีกด้านในมีสีดำสลับส้มทอง แต่น่าเสียดายที่ค้างคาวตัวที่พบนี้ได้ตายแล้ว
โดยเป็นค้างคาวเพศผู้ ลำตัวกว้างประมาณ 3.4 เซนติเมตร กว้างประมาณ 7
เซนติเมตร คาดว่าระหว่างที่ตนขับรถกลับซึ่งผ่านพื้นที่ป่า ค้างคาวตัวนี้อาจบิน
ผ่านมาพอดีจึงทำให้รถชนและตัวค้างคาวติดมากับรถ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่าค้างคาวดังกล่าวที่พบเป็น
"ค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ" หรือ "ค้างคาวสี" ซึ่งเป็นค้างคาวขนาดเล็ก
มีขนาดลำตัวและปีกพอๆ กับผีเสื้อ มีน้ำหนักประมาณ 10 กรัม ความยาวตลอด
ปลายปีกประมาณ 15 เซนติเมตร ขนตามลำตัวสีส้มสด ใบหูใหญ่ ปีกมีสีแดง
แกมน้ำตาลบางส่วน ส่วนที่เหลือเหมือนค้างคาวทั่วไป ค้นพบครั้งแรกใน
หมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย กระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปตั้งแต่อินเดีย,
ศรีลังกา, พม่า, ตอนใต้ของประเทศจีน, เวียดนาม, ไทย, มาเลเชีย และอินโดนีเซีย
สำหรับในประเทศไทยแล้วเป็นค้างคาวที่พบได้น้อย แต่สามารถพบได้ทั่วทุกภาค
มีพฤติกรรม มักเกาะอาศัยตามยอดใบกล้วยที่ม้วนเป็นหลอดหรือท่อ และจะย้าย
ไปเรื่อยๆ เมื่อยอดกล้วยแก่ขยายออกไม่ม้วนเป็นหลอดแล้ว นอกจากนี้ยังพบเกาะ
ตามใบไม้แห้งของต้นไม้, ยอดหญ้าพง, ยอดอ้อ และยอดอ้อย อยู่เป็นคู่หรือโดดเดี่ยว
ออกหากินในเวลาเย็น โดยบินต่ำระดับยอดไม้พุ่ม ลักษณะการบินคล้ายผีเสื้อ
กลางคืนขนาดใหญ่ แต่บินเร็วกว่ามาก อาหารได้แก่แมลงต่างๆ โดยเฉพาะแมลง
ที่มีขนาดเล็ก มีพฤติกรรมจับคู่ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนมิถุนายน ค้างคาวตัวผู้และ
ตัวเมียรวมทั้งลูกอ่อนที่เกาะติดอกแม่ถูกจับได้พร้อมกันบนใบตองแห้งในเดือนสิงหาคม
"ค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ" หรือ "ค้างคาวสี" เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
ภาพและข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/
วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556
“คางคก” แบบนี้มีด้วยหรือ?
ภาพที่เห็นนี้เป็นภาพจริง ไร้การตัดต่อ ไร้โฟโตชอป และไม่ใช่คางคกพันธุ์ใหม่
แต่เป็นคางคกที่กำลังกินค้างคาว ซึ่งหน่วยลาดตระเวนบังเอิญบันทึกภาพ
ไว้ได้ภายในอุทยานแห่งชาติของเปรู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
สำหรับการตกเป็นเหยื่อของค้างคาว
แต่เป็นคางคกที่กำลังกินค้างคาว ซึ่งหน่วยลาดตระเวนบังเอิญบันทึกภาพ
ไว้ได้ภายในอุทยานแห่งชาติของเปรู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
สำหรับการตกเป็นเหยื่อของค้างคาว
ยูฟานิ โอลายา (Yufani Olaya) หน่วยลาดตระเวณป่าทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเปรู บันทึกภาพขณะคางคกยักษ์ (cane toad) กำลังเคี้ยวค้างคาว ระหว่างเขาปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนภายในอุทยานแห่งชาติเซร์โรสเดอาโมทาเป (Cerros de Amotape National Park) ของเปรู
ไลฟ์ไซน์รายงานว่า โอลายาส่งภาพถ่ายให้ ฟิล ตอร์เรส (Phil Torres) นักชีววิทยาที่ทำงานอยู่ในศูนย์วิจัยทัมโบพาตา (Tambopata Research Center) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในลุ่มน้ำอเมซอนในเขตเปรู โดยความเห็นจากนักชีววิทยาระบุว่า ภาพดังกล่าวอาจจะเป็นภาพแรกของคางคกยักษ์ขณะกินค้างคาวก็ได้
ค้างคาวเคราะห์ร้ายในภาพน่าจะอยู่ในวงศ์ค้างคาวปากย่น (free-tailed bat) ซึ่งอาจจะเป็นค้างคาวปากย่นขนกำมะหยี่ (velvety free-tailed bat) หรือ มอลอสซุส มอลอสซุส (Molossus molossus) ซึ่งมีอยู่ทั่วไปทางภาคเหนือของอเมริกาใต้ และตอร์เรสยังให้ข้อมูลแก่ไลฟ์ไซน์อีกว่า ยังมีตัวอย่างการพบคางคกชนิดอื่นกินค้างคาวปากย่นในบราซิลด้วย
คางคกยักษ์ได้ชื่อว่าเป็นจอมเขมือบที่ฉวยโอกาส และเป็นที่ทราบดีด้วยว่านักกินที่ตะกละ ซึ่งลักษณะเด่นดังกล่าวทำให้มันกลายเป็นเผ่าพันธุ์รุกรานที่มีชัยในพื้นที่อย่างออสเตรเลีย แต่ตอร์เรสกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ค่อยพบได้บ่อยนัก ที่จะเห็นคางคกกินค้างคาว ซึ่งปกติจะบินอยู่ห่างไกลจากพื้นดินที่มีคางคกกระโดดหากินอยู่ แต่ในกรณีนี้ค้างคาวน่าจะบินเข้าปากคางคกเอง โดยค้างคาวน่าจะบินโฉบแมลงที่ใกล้พื้นดิน และคางคกก็ได้ลาภปาก
ด้าน ราเชล เพจ (Rachel Page) นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิทโซเนียน (Smithsonian Tropical Research Institute) ในปานามา ซึ่งไม่มีส่วนในการสังเกตครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่าทราบกันอยู่แล้วว่าคางคกก็กินค้างคาว แต่กรณีเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้คางคกก็ต้องมีโชคเข้าข้างอยู่บ้าง ซึ่งคางคกและกบบางชนิดก็ไปดักกินค้างคาวถึงปากถ้ำ โดยรอให้เหยื่อออกมาหากินตอนกลางคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ในออสเตรเลีย
อย่างไรก็ดี ค้างคาวก็ไม่ใช่เหยื่อเสมอไปในโลกของ “ สัตว์กินสัตว์” โดยค้างคาวปากย่น ทราชอปส์ ซีร์โรซุส (Trachops cirrhosus) เป็นค้างคาวสปีชีส์ที่ราบกันว่ากินคางคก ซึ่งเพจเดาว่าเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยค้างคาวจำนวนมากจะออกล่ากบและคางคก โดยตามเสียงกรอบแกรบของเศษใบไม้ที่กบและคางคกสัญจรผ่าน และค้างคาวบางชนิดก็ตามเสียงกบตัวผู้ที่ส่งเสียงเรียกคู่ด้วย
ทว่าเหตุการณ์ที่เปรูนั้นลงเอยด้วยดีสำหรับค้างคาว เพราะหลังจากคางคกไม่ประสบความสำเร็จในการกลืนเหยื่อ มันก็คายออกมา ค้างคาวที่ยังมีชีวิตอยู่จึงบินจากไป
ภาพและข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)