วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

นานาประโยชน์ของรถยนต์

คุณภูไทยได้รวบรวมสาระพัดประโยชน์ของรถยนต์ไว้ น่าสนใจทีเดียว

รถยนต์มีไว้ขับ ส่วนรถจักรยานยนต์มีไว้ขี่ ข้อสอบสมัยประถมต้นๆที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากอนุบาลที่จำยังไงๆก็จำไม่ได้สักทีว่าอันไหนมีไว้ขี่ แล้วอันไหนมันมีไว้ขับ  พอโตจนจำได้ครั้นเมื่อครูถามถึงประโยชน์ของรถ จะไปตอบว่ามีไว้ขับ ก็คงไม่แคล้วได้ศูนย์มาตัวโตๆ หรือ ดีไม่ดีครูอาจให้คะแนนติดลบด้วยข้อหา ตอบกวนโอ๊ย
วันนี้อยู่ดีๆ ผมก็มานึกได้ว่านอกเหนือจากประโยชน์หลักๆของรถแต่ดั้งเดิมเมื่อมันถูกสร้างขึ้น จนถึงวันนี้ด้วยความสามารถอันบรรเจิดในเรื่องของการต่อยอดของมนุษย์ เราเอารถมาใช้ทำอะไรกันบ้าง
คิดแบบไม่คิด ผมเลยลองตั้งเป้าไว้ที่10 ข้อ  ซึ่งแน่นอนว่า รถมีไว้ขับ ไม่นับอยู่ใน 1 ใน10 ข้อที่ผมลองตั้งเป้าหมายไว้
1.เพื่อการคมนาคม  ...ข้อแรกเลยสำหรับผม สั้นๆและง่ายๆคือ ดีกว่าเดิน เพราะถึงรถในสมัยแรกๆมันจะวิ่งด้วยอัตราเร็วแค่ดังแท่ดๆ แต่มันก็ไม่หอบแฮ่กๆ เมื่อมีระยะทางเข้ามาเป็นเงื่อนไขร่วม

2.เพื่อการขนส่ง  ....ข้อแรกนั้นผมแยกไว้สำหรับขนคน แต่ข้อนี้ผมหมายถึงการขนของ หรือขนอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ขนคน    ดูเหมือนเจ้าของจะใช้ประโยชน์รถของเขาอย่างสูงสุดมากๆในเรื่องของการ “ขน”

3.เพื่อการกีฬา ...ความสามารถอันนบรรเจิดข้อหนึ่งของมนุษย์คือ ประยุกต์ทุกอย่างมาใช้เป็นเกมส์กีฬาได้ และความบรรเจิดเพิ่มขึ้นอีกขั้นเมื่อประยุกต์กีฬาทุกอย่างมาเป็นการพนันโดยมีกีฬาเป็นฉากบังหน้า

4.เพื่อการท่องเที่ยว ...ข้อนี้ด้วยความรู้สึกส่วนตัว ผมเลยว่าน่าจะจับมันแยกจากข้อ 1 เพราะข้อนี้ผมว่ามันได้ฟิลของความเพลิดเพลินรื่นเริงใจ มากกว่าเป้าหมายของการเคลื่อนย้ายวัตถุจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเหมือนข้อแรก

5.เพื่ออยู่อาศัย... ผมไม่แน่ใจว่าเขาเรียกกันว่าอะไร แต่สมัยก่อนผมคิดว่าเขาเรียกกันว่ารถบ้าน ครั้นต่อมาเห็นเขาขายรถมือสองแบบขับเองแล้วขายเอง ติดกระดาษขนาดเอสี่ที่กระจกรถว่าขายรถบ้าน ผมก็เข้าใจว่าเขาขายรถคันใหญ่ๆที่เอาไว้อยู่กินนอนในนั้นได้ ก็แปลกใจว่าทำไมรถบ้านในประเทศไทยมันเยอะเหมือนกันแฮะ ดียังไม่ทันปล่อยไก่ให้ใครฟัง มาสำนึกได้เองซะก่อนว่า อ๋อ รถบ้านน่าจะหมายถึงรถใช้งานแบบภายในบ้านไม่ผ่านงานหนักนี่เอง
 รถ...บ้าน จริงๆครับ หรือใครจะกล้าเถียง...
6.เพื่อการค้า ....ข้อนี้ผมไม่ได้หมายถึงขายรถเอากำไร หรือการตะลอนขายของโดยมีรถเป็นพาหนะ   เมื่อพูดถึงเรื่องการค้า ผมชอบไอเดียการเอารถมาทำร้านค้าเคลื่อนที่ มันคงเหมือนก๋วยเตี๋ยวเรือสมัยก่อน พอเรามีถนนมากกว่าคลอง เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นก๋วยเตี๋ยวรถแทนก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วต่อมาก็ขยายกิ่งก้านสาขาความคิดเป็น ส้มตำรถ ซาลาเปารถ ลูกชิ้นรถ ไอเดียแต่งรถเป็นร้านค้าเป็นเป็นสีสันหนึ่งให้น่าลิ้มลองชิมสินค้าที่ขายกันในรถทางออกสำหรับหลีกเลี่ยงค่าเช่าที่มหาโหด รถหนึ่งคันไปไหนไปกัน ขายไหนก็ได้

7.ไว้เสริมบารมี....  ข้อนี้ไม่ได้ประชดแดกดันหรือเสียดสี แต่จากประสบการณ์ตรงของชีวิต ผมยกนิยามคำไหนสำหรับประโยชน์ข้อนี้ไม่ได้นอกจากเพื่อเสริมบารมี การเลือกรถไม่ใช่แค่ดูให้เหมาะกับประโยชน์ใช้สอยแค่นั้น หากแต่สำหรับหลากหลายอาชีพยังต้องการความโก้หรูของรถมาสร้างภาพลักษณ์ผู้ขับขี่ ...อ่อ ปัจจัย 5 สำหรับการจีบหญิง(บางคน) ผมก็ขอนับรวมไว้ข้อนี้นะครับ


8.ห้องสมุดเคลื่อนที่ ....จริงๆมันมีอีกสารพัดเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารเคลื่อนที่  โรงพยาบาลเคลื่อนที่ หรือความคิดแบบสร้างแต่ไม่สรรแบบม่านรูดเคลื่อนที่  แต่ทุกสารพัดเคลื่อนที่ผมขอรวมกันเป็นหนึ่งข้อและยกย่องห้องสมุดเคลื่อนที่เป็นสุดยอดความคิดสร้างสรรในหัวข้อนี้ห้องสมุดที่บริการถึงที่ เรื่องน่ารักที่สะท้อนสิ่งน่าเศ้รานั่นคือ ถ้าคนขวนขวายที่จะอ่าน ห้องสมุดคงไม่ต้องขวนขวายมาถึงที่แบบนี้

9.เริ่มจะนึกไม่ออก ผิดไหมครับถ้าจะบอกว่า ไว้กู้โลก.... แหม ก็จะห้ามนุษย์ไฟฟ้า ฮีโร่สมัยผมเป็นเด็กอนุบาล หรือ ออฟติมัสฮีโร่ระดับฮอลลีวู้ดก็มีรถมาเอี่ยวในสถานการณ์กอบกู้โลกทั้งนั้น  แต่เมื่อพูดลามปรามไปถึงเรื่องหนัง ผมเลยนึกถึงบางฉากน่ารักๆในหนังได้ ที่รถมีบทบาทสำคัญไม่น้อยหน้ากว่าการกอบกู้โลก นั่นก็คือ ส่งความสุขให้คู่บ่าวสาว ...ในโลกตะวันออก เดี๋ยวนี้เราใช้รถในการรับส่งตัวเจ้าบ่าว เจ้าสาวแทนเกี้ยว ส่วนในหนังตะวันตก ภาพแรกที่ผมนึกถึงคือพวงกระป๋องยาวเฟื้อยที่ผูกไว้ท้ายรถคู่บ่าวสาว  ผมว่าน่าจะนับเป็นประโยชน์หรือหน้าที่หนึ่งของรถ เพราะยังไม่เห็นมีอะไรมาทำหน้าที่แทนได

ประโยชน์ข้อนี้ มีแต่คู่บ่าวสาวเท่านั้นที่ได้ใช้สอย ...ส่วนคนอื่นๆคงได้แต่อมยิ้ม พลอยมีความสุขไปกับเสียงกระป๋องที่ห้อยเป็นพรวนอยู่ท้ายรถคล้ายจะเรียกให้ใครๆหันมาดูให้รู้ว่า ...บ่าวสาวร้อนๆมาแล้วจ้า
10.ข้อสุดท้ายขอปิดท้ายแบบรักษ์โลก.... แม้จะมองไม่เห็นเป็นรูปธรรม แต่ก็เพราะรถนี่แหละ ผมว่าว้ทำให้คนรักโลกใบนี้มากขึ้น ....เพราะรถคือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ โลกถูกทำลายไปมากเท่าไหร่ คนก็หันมาสนใจห่วงใยโลกมากขึ้นเท่านั้น ...คงคล้ายปัญหาโลกแตก ไก่กับไข่  อะไรมันเกิดก่อนกัน ...ไม่มีรถ โลกคงไม่ร้อน(เท่านี้) คนก็คงไม่หันมารักษ์โลก...งงไหมล่ะครับ ตกลงมันเป็นประโยชน์แน่หรือนี่?!!! ....ก็จบท้ายด้วยวาทะของใครก็ไม่รู้ ที่บอกว่า ...ทุกสรรพสิ่งล้วนแล้วแต่มีคุณและโทษ ....ขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้ถือตัวว่ามีอารยะ ว่าจะใช้มันในทางใด ...ก็เท่านั้น

ภาพและข้อมูลจาก http://www.autobacs.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น