วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หญิงสาวมะกัน 3 คนปรากฏตัวปริศนาหลังหายไป 1 ทศวรรษ


หญิงสาวมะกัน 3 คนปรากฏตัวปริศนาหลังหายไป 1 ทศวรรษ

หญิงสาวชาวอเมริกัน 3 คน ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับนานเกือบ 1 ทศวรรษ ปรากฏตัวอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งที่รัฐโอไฮโอ ห่างจากจุดที่หายตัวไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่า หญิงสาว 3 คน ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับนานเกือบ 1 ทศวรรษ ปรากฏตัวอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งที่รัฐโอไฮโอ ห่างจากจุดที่มีผู้พบพวกเธอครั้งสุดท้ายก่อนหายตัวเพียงไม่กี่กิโลเมตร

นายชาร์ลส แรมซีย์ ชาวเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นผู้พบตัว 3 สาว กล่าวว่า ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงทุบประตูดังออกมาจากบ้านหลังนั้น จึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ก่อนจะพบกับหญิงสาวคนหนึ่งร้องขอให้ช่วยเปิดประตูให้ ซึ่งในทีแรกไม่สามารถเปิดได้ คาดว่าประตูอาจถูกลงกลอนเอาไว้อย่างแน่นหนา ต้องใช้วิธีเตะอย่างแรงหลายครั้ง จนกระทั่งประตูบ้านเปิดออก ผู้ที่อยู่ภายในจึงค่อยๆก้าวออกมา สร้างความตกใจให้แก่ตนเองอย่างมาก เนื่องจากมีถึง 3 คนและเป็นผู้หญิงทั้งหมด

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเดินทางถึงที่เกิดเหตุในเวลาไม่นาน กล่าววา หญิงสาวทั้ง 3 คน คือ นางสาวอแมนดา แบร์รี จีนา เดอจีซัส และมิเชล ไนธ์ โดยแบร์รีและไนธ์หายตัวไปพร้อมกัน ขณะมีอายุได้ 16 ปี เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2546 ระหว่างกำลังเดินทางกลับบ้าน หลังเลิกงานพิเศษที่ร้านอาหารฟาสต์ ฟู้ด เบอร์เกอร์ คิง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านหลังที่พลเมืองดีพบตัวพวกเธอ


ส่วนเดอจีซัสหายตัวไปในอีก 1 ปีถัดมา ระหว่างกำลังเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 14 ปี

ทั้งนี้ ไม่มีรายงานเปิดเผยเกี่ยวกับสภาพร่างกายและจิตใจของทั้ง 3 สาว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่แล้ว แต่การหายตัวไปของพวกเธอเป็นปริศนาให้แก่เจ้าหน้าที่และครอบครัวของพวกเธอตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ถึง 3 คน แต่มีเพียงคนเดียวที่ถูกตัดสินจำคุก แต่เป็นในข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน ส่วนอีก 2 คนถูกปล่อยตัวไป เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชายชาวอเมริกันเชื่อสายลาติน วัย 52 ปีคนหนึ่งมาสอบปากคำแล้ว

 โดยสันนิษฐานว่า อาจมีส่วนรู้เห็นในการพาหญิงสาวทั้ง 3 คนมาไว้ที่บ้านหลังนี้

ข่าวล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า ชายชาวอเมริกันเชื้อสายลาตินวัย 52 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหาลักพาตัวและข่มขืนหญิงสาว 3 คน ภายในบ้านหลังหนึ่งนานถึง 10 ปี ก่อนจะมีผู้ไปพบตัวพวกเธออย่างปาฏิหาริย์

นายวิคเตอร์ เปเรซ อัยการเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ แถลงว่า นายแอเรียล คาสโตร อดีตคนขับรถประจำทางรับ-ส่งนักเรียน วัย 52 ปี ถูกตั้งข้อหา 4 กระทง ฐานเป็นผู้ลักพาตัวนางสาวอแมนดา แบร์รี ปัจจุบันอายุ 27 ปี นางสาวจีนา เดอจีซัส อายุ 23 ปี นางสาวมิเชล ไนธ์ อายุ 32 ปี และเด็กหญิงโจเซลีน วัย 6 ขวบ ซึ่งคาดว่าเป็นบุตรสาวของแบร์รี ที่เธอให้กำเนิดระหว่างถูกกักขัง และอีก 1 กระทง ฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวทั้ง 3 คน

ขณะที่พี่ชายและน้องชายของคาสโตร คือนายเปโดร วัย 54 ปี และนายโอนีล วัย 50 ปี ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ด้วย จะถูกปล่อยตัวโดยไม่มีการดำเนินคดี หลังผลการสอบปากคำโดยละเอียดระบุว่า ทั้งสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม เปเรซปฏิเสธที่จะยืนยันว่า หญิงสาวทั้ง 3 คนถูกข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตั้งครรภ์ และต้องแท้งบุตรไป เนื่องจากถูกคาสโตรทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง แต่มีเพียงบุตรสาวของแบร์รีที่รอดชีวิต ตามที่มีการรายงานออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่เปิดเผยเพียงว่า หญิงสาวทั้ง 3 คนถูกแยกขังเดี่ยว โดยภายในแต่ละห้องเจ้าหน้าที่พบโซ่ตรวนและเชือกจำนวนมาก

ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับแบร์รี เดอจีซัส และไนธ์ เมื่อวันจันทร์ โดยทั้ง 3 สาวอาศัยจังหวะที่คาสโตรไม่อยู่บ้าน  รวบรวมความกล้าหาญหลบหนีออกมาได้สำเร็จ ซึ่งแบร์รีเป็นผู้กรีดร้องและทุบประตูขอความช่วยเหลือ จนนายชาร์ลส แรมซีย์ เพื่อนบ้านของคาสโตรได้ยินเสียง จึงเข้าไปเปิดประตูโดยตามพลเมืองดีอีกคน คือนายแองเกล คอเดโร ให้มาช่วยอีกแรง ก่อนที่แรมซีย์จะเป็นผู้พาแบร์รีไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจเพื่อให้มาช่วยเธอและหญิงสาวอีก 2 คน ซึ่งหายตัวไปในระหว่างปี 2545-2547

ด้านนายแอนโธนี คาสโตร บุตรชายของผู้ต้องหา กล่าวว่า บิดาไม่เคยให้ใครย่างกรายเข้าไปในบ้านหลังนั้นเลย และแทบทุกห้องภายในบ้านถูกใส่กลอนไว้อย่างแน่นหนาตลอดเวลา
คนเราก็มีหลากหลายทั้งดีทั้งเลว 
ภาพและข้อมูลจาก http://www.teenee.com/และhttp://www.dailynews.co.th/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น